เชื่อไหมคะ ว่าเราสามารถใช้ประสาทสัมผัสที่ติดตัวมาทั้ง 5 อย่างร่วมกับความช่างสังเกตและความใส่ใจ เพื่อช่วยให้การขับรถมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้นค่ะ
ประสาทสัมผัสเพื่อความปลอดภัยในการขับรถ
-
กายสัมผัส
ใช้ประสาทสัมผัสของร่างกายให้เป็นประโยชน์ในการจับความรู้สึกระหว่างการขับรถ เช่น พวงมาลัยสั่นขณะขับด้วยความเร็ว จังหวะเกียร์เปลี่ยนกระตุกแรงผิดปกติ เบรกแล้วรถแฉลบซ้าย-ขวา เหล่านี้จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบา แก้ไขได้ทันก่อนเกิดความเสียหายหรืออุบัติเหตุ
-
ตาดู
ก่อนขึ้นรถ เดินมองดูรอบๆ เพื่อตรวจสอบว่ามีความผิดปกติอะไรไหม ยางแบนหรือเปล่า มีเศษใบไม้ ใครเอาใบปลิวมาเสียบกระจกไหม ระยะห่างระหว่างรถที่จอดข้างหน้า-ข้างหลังมีมากน้อยแค่ไหน ขึ้นรถเสียบกุญแจ สังเกตมาตรวัดบนแผงหน้าปัดว่ามีสัญญาณเตือนหรือไม่ ระหว่างขับมาตรวัดความร้อนเครื่องยนต์ผิดปกติหรือเปล่า
-
หูฟัง
หลังสตาร์ทรถ อย่าเพิ่งรีบเปิดวิทยุ ลองขับแบบเงียบๆ สัก 10-15 นาทีเพื่อฟังว่ามีเสียงแปลกๆ ผิดปกติหรือไม่ เช่น เสียงช่วงล่างดังกุกกักๆ เบรกแล้วมีเสียงโลหะสีกันดังเอี๊ยดๆ เสียงยางบดถนนดังหรือหอนเวลาใช้ความเร็วไหม สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถรับรู้อาการผิดปกติของรถและนำไปแก้ไขได้ทันท่วงที
-
จมูกดมกลิ่น
ระหว่างขับรถ หากได้กลิ่นแปลกๆ เช่นกลิ่นไหม้ กลิ่นน้ำมัน กลิ่นแก๊ส ให้รีบหาที่จอดและสำรวจดูให้แน่ใจว่ามาจากไหน บางครั้งการรั่วของน้ำมันหรือแก๊ส อาจก่อให้เกิดความเสียหายได้มากกว่าที่คาดคิด และอาจมีอันตรายถึงชีวิตเลยทีเดียว
-
ลิ้นชิมรส
ดูเหมือนไม่มีประโยชน์ แต่มีประโยชน์แบบคิดไม่ถึงทีเดียวค่ะ โดยเฉพาะใครที่ต้องขับรถทางไกล ขับรถช่วงกลางคืนเป็นประจำ การดื่มกาแฟขมๆ อมลูกอมเปรี้ยวๆ หรือเคี้ยวหมากฝรั่ง จะช่วยผ่อนคลายความง่วงและเหนื่อยล้า ดึงสติสัมปชัญญะให้กลับมาอยู่กับถนนตรงหน้าได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าร่างกายไม่ไหวแล้ว ควรแวะหาที่จอดพักผ่อนอิริยาบถก่อนเป็นดีที่สุดค่ะ
#SafeDriver #DirectAsia
สอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านประกันรถยนต์ โทรฯ 02 767 7777 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมคลิก https://www.directasia.co.th/