หลายคนที่กำลังสนใจ หรือตัดสินใจเลือกซื้อรถไฟฟ้า (Electric Vehicle) คงมีคำถามวนเวียนในใจว่าหากตัดสินใจใช้จริงจะมีสถานีชาร์จรถไฟฟ้าในไทยให้ใช้ทั่วถึงมากแค่ไหน? รวมถึงค่าบริการที่ต้องจ่ายตามช่วงเวลาการใช้งานหรือ TOU เป็นยังไงบ้าง DirectAsia มีข้อมูลอัปเดตสถานีชาร์จรถไฟฟ้า 2023 มาบอกแล้ว!
3 เรื่องต้องรู้เกี่ยวกับระบบเครื่องยนต์รถไฟฟ้า
ก่อนจะไปเช็กจุดชาร์จรถไฟฟ้าในไทย อยากชวนทำความเข้าใจเกี่ยวกับระบบไฟ และการชาร์จรถไฟฟ้ากันก่อน เพื่อให้เข้าใจหลักการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น ซึ่งเราได้รวบรวมคำถามน่าสนใจที่มือใหม่เริ่มเข้าวงการรถยนต์ไฟฟ้าควรรู้ไว้ ดังนี้
- ชาร์จด้วยกระแสไฟฟ้า AC,DC ต่างกันยังไง?
ไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) คือระบบไฟที่ต้องวิ่งผ่าน On board charger ในรถยนต์ เพื่อแปลงกระแสไฟฟ้าสลับไปเป็นไฟฟ้ากระแสตรงก่อนถึงตัวแบตเตอรี่ ซึ่งมักเป็นการชาร์จกับไฟบ้าน ส่วนไฟฟ้ากระแสตรง (DC) คือการชาร์จไฟแบบต่อตรงเข้าตัวแบตเตอรี่ โดยไม่ต้องผ่าน On board charger ซึ่งเป็นระบบที่พบได้จากสถานีชาร์จรถไฟฟ้า และเป็นการชาร์จที่รวดเร็ว
- รถไฟฟ้าใช้เวลาชาร์จนานแค่ไหน?
ระยะเวลาชาร์จไฟของรถยนต์ไฟฟ้าขึ้นอยู่กับค่ากำลังไฟฟ้าของจุดจ่ายไฟนั้น ๆ เพราะหากจุดจ่ายไฟมีค่ากำลังไฟฟ้าต่ำกว่ากำลังไฟฟ้าของรถยนต์ ย่อมทำให้การชาร์จไฟรถแต่ละครั้งต้องใช้เวลานานขึ้น เช่น หากเป็นการชาร์จจากไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ภายในบ้าน อาจต้องใช้ระยะเวลามากกว่าการชาร์จไฟฟ้ากระแสตรง(DC) หรือจากสถานี ev charger ซึ่งเป็นการชาร์จแบบเร่งด่วน (Quick Charge) ทั้งนี้ทั้งนั้นยังขึ้นอยู่กับสมรรถนะ และกำลังไฟภายในรถยนต์แต่ละรุ่นร่วมด้วย ส่วนระยะทางต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง ขึ้นอยู่กับสมรรถนะแบตเตอรี่รถยนต์แต่ละค่าย โดยมีตั้งแต่ 300-1,000 กิโลเมตร เป็นต้น
- แบตเตอรี่รถไฟฟ้าอยู่ได้นานกี่ปี?
แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีอายุการใช้งานโดยเฉลี่ยที่ 6-8 ปี ซึ่งถือว่าอึดกว่าแบตเตอรี่รถยนต์สันดาปค่อนข้างมาก แต่ประสิทธิภาพของแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ายังขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาเครื่องยนต์เช่นกัน โดยได้มีการแนะนำให้ชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์เต็มประจุ 1 ครั้งทุกสัปดาห์ เพื่อช่วยคงสมรรถนะและชะลอความเสื่อมของแบตเตอรี่นั่นเอง
อัปเดตสถานีชาร์จรถไฟฟ้า 2023 ใกล้ไกลมีที่ชาร์จตรงไหนบ้าง
- สถานีชาร์จรถไฟฟ้า EA Anywhere คลิก
เราสามารถใช้บริการสถานี EA Anywhere ได้ง่าย ๆ ด้วยการค้นหาสถานีเพื่อใช้บริการใกล้ ๆ ผ่านแอปพลิเคชัน EA Anywhere ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนสถานีชาร์จรถไฟฟ้าในไทย 476 แห่ง และตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ เป็นส่วนใหญ่ มาพร้อมระบบชาร์จทั้ง 2 ระบบ คือ แบบ Normal Charge และ Quick Charge ซึ่งเหมาะสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าที่มีระบบไฟฟ้าตามมาตรฐานทั้งหมด
- สถานีชาร์จรถไฟฟ้า MG SUPER CHARGE คลิก
MG SUPER CHARGE อีกหนึ่งบริการจุดชาร์จรถไฟฟ้าในไทยจากแบรนด์รถยนต์เจ้าใหญ่จากประเทศอังกฤษอย่าง MG ที่มีจำนวนสถานีชาร์จรถไฟฟ้าในไทย 120 แห่งแล้วในปัจจุบัน มาพร้อมระบบชาร์จแบบ Normal Charge ที่มีหัวชาร์จแบบ Type 2 และการชาร์จแบบเร็ว (Quick Charge) ที่มีหัวชาร์จแบบ CCS ช่วยให้แบตเตอรี่เพิ่มขึ้นได้กว่า 80% ภายในเวลา 30 นาที
- สถานีชาร์จรถไฟฟ้า PTTOR EV Station PluZ คลิก
ผู้นำทางด้านพลังงานอย่าง PTT ย่อมไม่พลาดการให้บริการสถานี ev charger เพื่อรองรับเทรนด์การใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า และสะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยการจองคิวใช้งานก่อนเข้ารับบริการผ่านแอปพลิเคชัน EV Station PluZ ซึ่งปัจจุบันได้มีสถานีชาร์จรถไฟฟ้าในไทยแล้วกว่า 108 แห่ง พร้อมให้บริการด้วยหัวชาร์จแบบ Normal Charge และ Quick Charge
- สถานีชาร์จรถไฟฟ้า PEA คลิก
สถานี ev charger โดยการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ PEA คืออีกหนึ่งทางเลือกที่ผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าสามารถเข้าใช้บริการได้ โดยกระจายจุดให้บริการทั่วพื้นที่ประเทศไทยกว่า 73 สถานี ใน 42 จังหวัด มาพร้อมระบบชาร์จไฟฟ้ารถยนต์ตามมาตรฐานทั้ง 2 แบบ คือ แบบ Normal Charge และ Quick Charge
- สถานีชาร์จรถไฟฟ้า EVOLT คลิก
อีกหนึ่งผู้ให้บริการสถานี ev charger ที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันดี เพราะมีให้บริการอยู่ในห้างสรรพสินค้าเป็นส่วนใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯ และพื้นที่ท่องเที่ยวในไทยกว่า 52 สถานี ตอบโจทย์คนรักความสะดวกสบายด้วยแอปพลิเคชัน EVolt ที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้เราสามารถจองคิวสถานีชาร์จใกล้ ๆ ได้ล่วงหน้า ทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์หน้าตาน่าใช้เพื่อช่วยเช็กระดับแบตเตอรี่ หรือทำธุรกรรมหลังใช้บริการแบบง่าย ๆ
- สถานีชาร์จรถไฟฟ้า Elex by EGAT คลิก
ผู้ให้บริการด้านพลังงานแห่งใหม่ จากการร่วมมือของ กฟผ. หรือการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ที่ตั้งใจนำเสนอบริการกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันได้มีจุดชาร์จรถไฟฟ้ารวมกว่า 50 สถานี ใน 38 จังหวัด กระจายอยู่ตามพื้นที่ต่างจังหวัดเป็นส่วนใหญ่ เพื่อรองรับการใช้งานในพื้นที่อื่น ๆ ในอนาคต
- สถานีชาร์จรถไฟฟ้า BMW Charging Station คลิก
อีกหนึ่งแบรนด์คุณภาพที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี สำหรับ BMW แบรนด์รถยนต์ชั้นนำจากประเทศเยอรมัน พร้อมให้บริการในจุดเช็กอินยอดนิยมต่าง ๆ เช่น โรงแรม ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ และสถานที่สาธารณะทั่วไป โดยเราสามารถค้นหาจุดให้บริการชาร์จรถไฟฟ้าได้จากแอปพลิเคชัน EVolt และตรวจสอบสถานะกระแสไฟรถยนต์หรือแบตเตอรี่รถไฟฟ้าได้ผ่านแอปพลิเคชัน My BMW App
- สถานีชาร์จรถไฟฟ้า Sharge+ คลิก
ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem หัวใหม่ที่เอาใจคนใช้รถใช้ถนนในไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ ทั้งกลุ่มคนเดินทางท่องเที่ยว และคนขับขี่รถยนต์เป็นประจำ โดยมีเป้าหมายในการให้บริการจุดชาร์จไฟรถยนต์ตามห้างสรรพสินค้า โชว์รูม ครอบคลุมทั่วพื้นที่กรุงเทพฯ และหัวเมืองท่องเที่ยวชั้นนำ ด้วยหัวชาร์จระบบ Quick Charge
- สถานีชาร์จรถไฟฟ้า MEA คลิก
ผู้ให้บริการด้านไฟฟ้าที่อยู่เคียงคู่คนไทยมากกว่า 60 ปี อย่างการไฟฟ้านครหลวงที่เดินหน้าทำตามนโยบายลดมลพิษทางอากาศด้วยการเป็นหนึ่งในการเดินหน้าเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Society) หนึ่งในนั้นคือการรองรับกลุ่มผู้ใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าที่ปัจจุบันได้มีการขยายสถานี ev charger ไปแล้วถึง 22 สถานี ทั้งยังสามารถเช็กจุดให้บริการได้ที่แอปพลิเคชัน MeaEV
- สถานีชาร์จรถไฟฟ้า ARUN+ คลิก
อีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า สำหรับผู้ให้บริการสถานี ev charger ออน-ไอออน ซึ่งพบได้ในศูนย์การค้าเซ็นทรัล 17 สาขาแล้วในปัจจุบัน และยังคงตั้งเป้าหมายขยายต่อไปอีก 20 จุด ในอาคารสำนักงาน ร้านอาหาร และโรงแรมอนาคต โดยเราสามารถค้นหาจุดชาร์จ ev station ใกล้ ๆ ได้ผ่านแอปพลิเคชัน on-ion “จอง จอด จ่าย”
- ค่าบริการ
อัตรา TOU (Time of Use Tariff) คือ อัตราค่าไฟฟ้าที่แตกต่างตามช่วงเวลาการใช้งานนั้น ๆ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วง On Peak และช่วง Off Peak
ช่วงเวลา | วัน/เวลา | ค่าบริการ (บาท/หน่วย) |
On Peak : ช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้ามาก และมีค่าบริการสูง | จันทร์-ศุกร์ (09.00-22.00 น.) | 5.7982 |
Off Peak : ช่วงที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าน้อย และมีค่าบริการถูก | จันทร์-อาทิตย์ (22.00-09.00 น.) เสาร์-อาทิตย์ (00.00-24.00 น.) |
2.6369 |
จะเห็นว่าจำนวนสถานีชาร์จรถไฟฟ้าในไทยนั้น อยู่ในเกณฑ์ที่พร้อมรองรับการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคตมากพอสมควร และคาดว่าจะมีการติดตั้งจุดให้บริการมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคนรุ่นใหม่เริ่มให้ความสนใจรถยนต์ไฟฟ้า เริ่มศึกษาการติดตั้งสถานี ev charger ที่บ้าน รวมถึงการทำเบี้ยประกันรถไฟฟ้าว่ามีความเหมือนความต่างจากเบี้ยประกันรถยนต์ทั่วไปยังไง พร้อมเช็คเบี้ยประกันราคาสุดคุ้มก่อนใคร เลือกประกันที่ใช่ต้องให้ DirectAsia ดูแล
สอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัยรถยนต์ โทร 02-767-7777 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันชั้น 1 เซฟ, ประกันรถยนต์ 2+, ประกันรถยนต์ 3+, ประกันชั้น 2, และ ประกันชั้น 3 คลิก https://www.directasia.co.th