ไฟตัดหมอก เป็นระบบช่วยอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยที่ติดตั้งมาในรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ โดยเฉพาะรถที่จำหน่ายในประเทศที่มีอากาศหนาว หรือมีพื้นที่ที่ต้องเผชิญหมอกหนา โดยเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งมาจากโรงงานผลิต แต่สำหรับรถยนต์รุ่นเก่าที่ไม่มีการติดตั้งไฟตัดหมอกมาให้ ก็สามารถติดตั้งได้ในราคาที่ไม่สูงมากนัก ถึงแม้ว่าไฟตัดหมอกจะเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ให้ดีขึ้น แต่ก็ใช่ว่าควรจะเปิดใช้ตลอดเวลา เพราะอาจเกิดอันตรายต่อผู้ร่วมใช้ถนนได้ ที่สำคัญอาจโดนเรียกปรับจากเจ้าหน้าที่ได้ด้วยเช่นกัน แล้วไฟตัดหมอกควรเปิดใช้ตอนไหน บทความนี้มีคำตอบ
ไฟตัดหมอกคืออะไร ใช้อย่างไรให้ถูกต้อง
โดยทั่วไปแล้วไฟตัดหมอกจะถูกติดตั้งบริเวณด้านล่างของไฟหน้ารถและไฟหลังรถ เป็นชุดดวงไฟขนาดเล็กชนิดเดียวกับสปอตไลท์ จึงมีความสว่างสูง สามารถส่องผ่านพื้นที่ที่ทัศนวิสัยแย่ เช่น พื้นที่ที่ฝนตกหนัก ควันจากไฟไหม้ข้างทาง หรือหมอกลงจัด เป็นต้น
ไฟตัดหมอกในรถยนต์รุ่นใหม่ มักจะติดตั้งมาให้ 2 ที่ ได้แก่ ไฟตัดหมอกหน้า และ ไฟตัดหมอกหลัง ซึ่งทำหน้าที่แตกต่างกัน โดยไฟตัดหมอกหน้าจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ให้กับรถของเรา ส่วนไฟตัดหมอกหลังจะช่วยให้รถคันที่ตามมาสามารถมองเห็นรถของเราได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
การส่องสว่างของไฟตัดหมอกจะมีความสว่างสูงมาก และเป็นการส่องในแนวระนาบกับพื้น ทำให้แสงไฟไม่สะท้อนกลับมาในสายตาผู้ขับขี่ และสามารถส่องแสงสว่างระยะไกลถึง 30-80 เมตร สามารถทะลุผ่านอากาศได้ดี แต่ด้วยความสว่างของหลอดไฟแบบสปอตไลท์ที่ส่องในระยะไกล เมื่อไปกระทบกับรถที่ขับสวนมา จะเป็นการรบกวนการขับขี่ของผู้อื่น เสี่ยงต่ออันตรายจากอุบัติเหตุอย่างมาก ดังนั้นการใช้ไฟตัดหมอกอย่างถูกต้อง จึงควรเปิดเฉพาะเมื่อยามจำเป็นเท่านั้น เช่น
- ในกรณีที่มองไม่เห็นทัศนวิสัยในระยะ 50 เมตร เมื่อเกิดควันหรือหมอกหนาจัด แต่ควรปิดไฟตัดหมอกทันทีเมื่อมองเห็นรถที่ส่วนมา
- ช่วงกลางคืนที่ไม่มีแสงสว่าง นอกจากการเปิดไฟสูงแล้ว การเปิดไฟตัดหมอกจะช่วยเพิ่มความสว่างและสามารถส่องผ่านกรณีที่มีหมอกควันหนาได้ด้วย เพราะการขับขี่ตอนกลางคืนเสี่ยงอันตรายต่ออุบัติเหตุได้มากกว่าช่วงกลางวัน
- เมื่อถนนเปียก เนื่องจากเวลาที่ฝนตกหนักและถนนเปียก การเปิดไฟหน้าเพียงอย่างเดียวอาจสะท้อนกับน้ำบนผิวถนน การเปิดไฟตัดหมอกจึงช่วยเพิ่มทัศนวิสัยได้ดีขึ้น
- เมื่อขึ้นที่สูงหรือยอดเขา เนื่องจากในภูมิประเทศที่เป็นภูเขาจะโอบล้อมไปด้วยต้นไม้และมีหมอกหนามากกว่าปกตินั่นเอง
รู้ได้อย่างไรว่ากำลังเปิดไฟตัดหมอกอยู่หรือไม่
ปุ่มเปิดปิดไฟตัดหมอกส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณใกล้กับไฟเลี้ยว หรือบริเวณแผงคอนโซลตรงกลาง ใกล้กับเกียร์ สามารถกดเปิดปิดได้อย่างสะดวก แต่อย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว ว่าการเปิดไฟตัดหมอกอาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ร่วมใช้ถนนได้ ดังนั้นจึงไม่ควรปล่อยให้ไฟตัดหมอกเปิดค้างตลอดเวลา
วิธีการสังเกตว่าไฟตัดหมอกกำลังเปิดอยู่หรือไม่ สามารถดูได้ง่ายๆ ที่สัญลักษณ์ไฟตัดหมอกบริเวณหน้าปัด โดยไฟตัดหมอกหน้าจะมีลักษณะเป็นครึ่งวงกลม และด้านหน้าจะมีเส้น 3 เส้นชี้เอียงลง ส่วนไฟตัดหมอกหลังจะมีเส้น 3 เส้นชี้ตรง อยู่ด้านหลังของครึ่งวงกลม หากหน้าปัดรถของคุณปรากฏสัญลักษณ์ทั้ง 2 แบบนี้ แสดงว่าคุณกำลังเปิดไฟตัดหมอกอยู่นั่นเอง
เปิดไฟตัดหมอกตอนไหนถึงผิดกฎหมาย
กฎกระทรวง ฉบับที่ 15 (พ.ศ.2536) ออกตามความในพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า การใช้ไฟตัดหมอกจะสามารถใช้ได้ต่อเมื่อรถวิ่งอยู่ในสภาวะที่มีหมอก ควัน หรือฝุ่นละออง จนเป็นอุปสรรคอันอาจเกิดอันตรายในขณะขับรถ และต้องไม่มีรถอยู่ด้านหน้า หรือสวนมาในระยะของแสงไฟ หรือในระยะ 150 เมตร โดยสามารถใช้หลอดไฟแสงขาวหรือแสงเหลืองที่มีกำลังไฟดวงละ 55 วัตต์เท่านั้น หากมีการใช้ไฟตัดหมอกที่ไม่เป็นไปตามประเภท ลักษณะ และเงื่อนไขที่กำหนด จะมีโทษปรับไม่เกิน 500 บาท ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 148
นอกจากกฎกระทรวงฉบับเดิมแล้ว กฎจราจรใหม่ที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2566 ที่มีการกำหนดให้ผู้ขับขี่ทุกคนมีแต้มใบขับขี่เท่ากันทั้งหมด 12 คะแนน และหากฝ่าฝืนกฎจราจรจะถูกตัดคะแนนครั้งละ 1-3 คะแนนตามความผิด หากโดนตัดคะแนนการขับขี่จนคะแนนหมด จะถูกสั่งพักใบขับขี่นานถึง 90 วัน และยังถูกบันทึกชื่อในกองทะเบียนประวัติอาชญากรอีกด้วย แน่นอนว่าการใช้ไฟตัดหมอกผิดวัตถุประสงค์และเงื่อนไข ก็สามารถทำให้ถูกตัดแต้มคะแนนใบขับขี่ได้ด้วยเช่นกัน
เดินทางใกล้ไกล หัวใจสำคัญคือความปลอดภัยตลอดทาง
อย่างไรก็ดี ไฟตัดหมอกนับเป็นอุปกรณ์ที่ถูกติดตั้งมาไว้เพื่ออำนวยความสะดวก และเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ให้กับผู้ขับขี่และผู้ร่วมใช้ทาง แต่หากเปิดไฟตัดหมอกอย่างผิดเงื่อนไข ก็ย่อมทำให้เกิดอันตรายต่อตนเองและผู้อื่นได้ด้วยเช่นกัน การทำตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด เปิดไฟตัดหมอกอย่างถูกเงื่อนไข จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ที่สำคัญอย่าลืมทำประกันรถยนต์เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้รถ เพิ่มความอุ่นใจตลอดเส้นทาง
บทความที่เกี่ยวข้อง
– Top 5 รถกระบะใหม่ล่าสุด!! งบน้อยก็ถอยได้
– ออกรถใหม่ ควรทำ! กับ 5 ความเชื่อเสริมสิริมงคล
– ไหว้แม่ย่านางรถเสริมสิริมงคล ออกรถใหม่รับดวงเฮง
สอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัยรถยนต์ โทร 0-2767-7777 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันชั้น 1 เซฟ, ประกันรถยนต์ 2+, ประกันรถยนต์ 3+, ประกันชั้น 2, และ ประกันชั้น 3 คลิก https://www.directasia.co.th