เปิดคุณสมบัติ ระบบช่วยขับขี่ ที่บอกว่าดีจ้อจี้หรือจริง?

by | พ.ค. 20, 2024 | ทิปส์ & ทริคส์การใช้รถใช้ถนน | 0 comments

เทคโนโลยีในปัจจุบันได้พัฒนาขึ้นจนทำให้ยานยนต์หลายแบรนด์สามารถพัฒนา ระบบช่วยขับขี่ ซึ่งเป็นระบบอัจฉริยะที่เข้ามาช่วยเหลือผู้ขับขี่ได้อย่างน่าทึ่ง และได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนบางประเทศมียานยนต์บนท้องถนนที่มาพร้อมระบบช่วยขับขี่และควบคุมยานยนต์ให้ 100% โดยที่เราทำหน้าที่เป็นเพียงผู้โดยสารแล้วด้วยซ้ำ

แม้ว่าจะระบบช่วยขับขี่แบบสมบูรณ์แบบจะยังไม่ใช้อย่างแพร่หลาย แต่ได้มีระบบบางอย่างที่ถูกนำมาใช้กับยานยนต์ในประเทศไทยแล้วเช่นกัน ‘ไดเร็ค เอเชีย (DirectAsia)ประกันรถยนต์ คู่หูคนมีรถ จะขอพามาย้อนสเต็ป พาไปดูภาพรวมของการพัฒนาระบบช่วยขับขี่ในทุกวันนี้ว่าพัฒนาไปถึงไหน เพื่อตอบคำถามว่าระบบอัตโนมัติเหล่านี้ช่วยดูแลความปลอดภัยในการขับขี่ได้ดีจริงไหมและเพียงใด มาติดตามไปพร้อมกันเลย

ไดเร็ค เอเชีย โปรโมชัน

รู้จักระดับความสามารถของระบบช่วยขับขี่ในปัจจุบัน

ระบบช่วยขับขี่ เป็นระบบอัตโนมัติแบบที่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ (Autonomous) ถูกติดตั้งในยานพาหนะประเภทต่าง ๆ คุณอาจเคยได้ยินความสามารถของรถยนต์ที่เบรกได้อัตโนมัติ เมื่อเซนเซอร์ตรวจจับได้ว่ามีวัตถุอยู่ด้านหน้าในระยะประชิด หรือแม้แต่มุมอับสายตาที่ผู้ขับขี่ยากจะมองเห็น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นหนึ่งในระบบช่วยขับขี่ โดยในครั้งนี้เราจะเน้นพูดถึงระบบในรถยนต์เป็นหลักกัน

ระบบช่วยขับขี่อัตโนมัตินี้ถูกแบ่งออกเป็น 5 ระดับ โดยแต่ละระดับจะมีขีดความสามารถและข้อจำกัดในการช่วยขับขี่ที่แตกต่างกันออกไป โดยมีรายละเอียดดังนี้

ระบบช่วยขับขี่ ระดับ 1

เป็นระบบการทำงานอัตโนมัติของรถ ช่วยเสริมความเร็วในการกระทำต่าง ๆ ที่ไวกว่ามนุษย์ ส่วนมากจะเน้นใช้เพื่อเพิ่มความปลอดภัย หรือที่เรียกว่า Safety Active เช่น ระบบเบรก ABS หรือ Anti-Lock Brake System ซึ่งจะช่วยเบรกจนล้อล็อก ป้องกันการไถลของรถ ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถคุมทิศทางรถได้อย่างฉับพลันทันที อีกหนึ่งตัวอย่าง คือ ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก EBD หรือ Electronic Brakeforce Distribution ซึ่งทำงานร่วมกับ ABS ช่วยกระจายการไปเบรกไปยังทุกล้อของรถนั่นเอง

ระบบช่วยขับขี่ ระดับ 2

มาต่อที่ระบบช่วยขับขี่ระดับที่ 2 ซึ่งจะมีความสามารถในการช่วยเป็นหูเป็นตาให้ผู้ขับขี่ได้ เช่น การส่งสัญญาณเตือนเมื่อขับขี่ออกนอกเลน เป็นต้น

ระบบช่วยขับขี่ ระดับ 3

สำหรับระบบช่วยขับระดับ 3 จะพัฒนาเป็นกลุ่มระบบที่มีโหมด Hands-Off ซึ่งรถจะบังคับเองได้ โดยที่ผู้ขับขี่สามารถปล่อยมือออกจากพวงมาลัยได้ในบางช่วงเวลา แต่จะเป็นช่วงที่ความเสี่ยงต่ำหรือไม่เกี่ยวข้องกับการขับขี่บนท้องถนน เช่น ระบบช่วยจอดรถในที่แคบ เป็นต้น

ระบบช่วยขับขี่ ระดับที่ 4

พัฒนาขีดความสามารถมาอีกขั้นด้วยระบบช่วยขับขี่ระดับ 4 ซึ่งความสามารถของระบบช่วยขับระดับนี้คือ ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องขับเองตลอดเวลา สามารถละมือออกจากพวงมาลัย หรือละสายตาออกจากทัศนวิสัยบนท้องถนนได้บางช่วง แต่การออกแบบยานพาหนะที่ใช้ระบบช่วยขับขี่ระดับ 4 จะยังคงมีพวงมาลัย เบรก และเกียร์ตามปกติ เพื่อที่ผู้ขับขี่จะสามารถเลือกควบคุมรถด้วยตนเอง หรือใช้ระบบอัตโนมัติช่วยควบคู่กันไปได้ แต่ในบางประเทศได้มีการพัฒนารถยนต์ไร้คนขับแล้ว โดยยังคงออกแบบให้รถมีหน้าตาเหมือนรถยนต์ทั่วไปก็มี

ระบบช่วยขับขี่ ระดับที่ 5

ปิดท้ายที่ระดับสูงสุดของระบบช่วยขับขี่ ซึ่งมีความใกล้เคียงกับระดับ 4 แต่มีจุดแตกต่างตรงที่ยานพาหนะที่ใช้ระบบนี้จะถูกผลิตเพื่อวัตถุประสงค์คือ มนุษย์ไม่จำเป็นต้องควบคุม หรือเป็นรถยนต์ไร้คนขับนั่นเอง โดยยานพาหนะจะทำหน้าที่เองอัตโนมัติแบบ 100% ผู้โดยสารเพียงป้อนคำสั่ง เช่น จุดหมายที่ต้องการไป จึงทำให้มีการตัดอุปกรณ์ในการบังคับอย่างพวงมาลัยหรือเบรกออกไป

ระบบช่วยขับขี่

ระบบช่วยขับขี่ ปลอดภัยเต็มร้อยจริงหรือ?

แม้ข้อมูลข้างต้นจะทำให้เห็นว่าระบบช่วยขับขี่เป็นระบบที่เก่งกาจและอาจเป็นประโยชน์ต่อการเดินทางในอนาคตได้อย่างมากทีเดียว แต่ทั้งนี้ก็มีข้อควรระวังด้านขีดจำกัดความปลอดภัยของระบบนี้ที่ผู้ขับขี่ควรตระหนักถึง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดพฤติกรรมการขับขี่ที่ไม่ดีจนเคยตัว และลดโอกาสเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุซึ่งสามารถสรุปออกมาได้ ดังนี้

  • ระบบช่วยขับขี่อาจทำให้ผู้ขับขี่ประมาทมากขึ้น

ปฏิเสธไม่ได้ว่าความระมัดระวังในการขับขี่จะลดลง เมื่อมีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เพราะผู้ขับขี่อาจมีความคิดว่าหากเกิดเหตุขึ้นมาระบบช่วยขับขี่ก็จะช่วยป้องกันภัยให้ เช่น ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติ ระบบจอดรถในที่แคบ เพราะหากคุณมีเหตุจำเป็นต้องเปลี่ยนมาใช้รถที่ไม่มีระบบเหล่านี้ อาจทำให้คุณไม่ระวังที่จะเหยียบเบรก หรือความสามารถในการคาดการณ์เหตุต่าง ๆ ลดลงโดยที่ไม่รู้ตัว

  • ระบบช่วยขับขี่อาจไม่เสถียร

ขึ้นชื่อว่าเทคโนโลยีใหม่ แม้จะล้ำสมัยแต่ก็มาพร้อมความไม่เสถียรในบางครั้ง นั่นอาจทำให้เกิดการคาดการณ์ที่ผิดพลาด เช่น ระบบเบรกอัตโนมัติที่จะตรวจจับวัตถุที่อยู่ใกล้รถยนต์อาจตรวจจับผิดพลาด ในกรณีที่มีวัตถุเข้ามาใกล้ชิดรถมากกว่า 1 อย่าง เป็นต้น

สรุปได้ว่าระบบช่วยขับขี่นั้นมีคุณสมบัติและความสามารถที่หลากหลาย จึงช่วยเสริมความปลอดภัยได้มาก แต่ขณะเดียวกันก็อาจสร้างความเคยชินบางประการแต่ผู้ขับขี่ได้เช่นเดียวกัน เหมือนกับเหรียญที่มี 2 ด้าน แม้แต่ระบบที่มีประโยชน์ก็ย่อมมีโทษเช่นเดียวกัน ดังนั้นผู้ขับขี่ที่เลือกใช้รถยนต์ก็ควรประเมินความสามารถของรถยนต์ที่ตนขับขี่ให้ดี แม้จะมีตัวช่วย แต่การขับขี่ด้วยความไม่ประมาทและระมัดระวังอยู่เสมอก็เป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถใช้ถนนพึงกระทำเช่นกัน

แม้ว่าในอนาคตจะมีระบบอัตโนมัติมาช่วยเสริมความปลอดภัยในการเดินทาง แต่บอกเลยว่าประกันรถยนต์ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามอยู่ดี หากคุณต้องการบริการประกันรถยนต์ที่จริงใจ ไดเร็ค เอเชีย เราพร้อมดูแล  โดยคุณสามารถเลือกปรับเปลี่ยนความคุ้มครองได้ตามสไตล์การขับขี่ไปจนถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เมื่อซื้อประกันรถยนต์กับไดเร็ค เอเชีย โดยเฉพาะ ประกันชั้น 1 ผ่อนสบาย 0% นาน 10 เดือน ไม่มีบัตรก็ผ่อนได้ ซื้อวันนี้ฟรี โค้ดเติมน้ำมันมูลค่าสูงสุด 1,500 บาท ด่วนจำนวนจำกัด!

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด มูลค่าโค้ดเติมน้ำมันที่ได้รับ ขึ้นอยู่กับเบี้ยประกันและวิธีชำระเงิน

ไดเร็ค เอเชีย โปรโมชัน

บทความที่เกี่ยวข้อง

สนใจสอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านประกันรถยนต์ โทรฯ 02 767 7777 หรือต้องการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมคลิก https://www.directasia.co.th/

ทิปส์ & ทริคส์การใช้รถใช้ถนนเปิดคุณสมบัติ ระบบช่วยขับขี่ ที่บอกว่าดีจ้อจี้หรือจริง?