ขึ้นชื่อว่าเป็นแบตเตอรี่ยังไงก็มีวันเสื่อม ดูกันให้ดี แบตเตอรี่รถยนต์กี่ปีเปลี่ยน สังเกตอย่างไรว่าแบตเตอรี่รถยนต์ที่เราใช้เริ่มเสื่อมสภาพและถึงเวลาต้องเปลี่ยน เพื่อการเดินทางที่ปลอดภัยในทุกเส้นทาง ‘ไดเร็ค เอเชีย (DirectAsia)’ ประกันรถยนต์ เพื่อนคู่ใจของผู้ขับขี่ เราจะมาอธิบายให้เข้าใจถึงเทคนิคในการสังเกตแบตเตอรี่รถว่าเสื่อมแล้วหรือยังพร้อมใช้งาน เพื่อให้ผู้ใช้รถทุกท่านไม่ต้องเจอสถานการณ์ฉุกเฉินหรือเสียเงินแบตเตอรี่ก่อนถึงเวลาที่สมควร
แบตเตอรี่รถยนต์สำคัญอย่างไร
ในการทำงานของรถยนต์จำเป็นต้องมีแบตเตอรี่ โดยหน้าที่หลักของแบตเตอรี่รถยนต์ คือ ช่วยในการสตาร์ตเครื่องยนต์ให้ทำงานได้ตามปกติ รวมถึงเป็นแหล่งพลังงาน จ่ายไฟไปยังระบบต่าง ๆ ภายในรถ ทำให้รถยนต์สามารถเปิดระบบและทำงานได้
อายุการใช้งานแบตเตอรี่รถยนต์ ใช้กี่ปีถึงควรเปลี่ยน
ผู้ใช้งานรถยนต์ส่วนใหญ่ที่ไม่ได้นำรถไปตรวจสอบสภาพรถเป็นประจำจะไม่รู้เลยว่าคุณภาพของแบตเตอรี่รถยนต์เสื่อมสภาพแล้วหรือเปล่า จนกว่าจะถึงวันที่รถดับ หรือสตาร์ตไม่ติด ถ้าเกิดเหตุนี้ในระหว่างที่เดินทางในเมืองก็ยังไม่น่าหนักใจเท่าไร เพราะคุณสามารถเรียกใช้บริการรถลากจากอู่ซ่อมรถได้ แต่หากเกิดขึ้นตอนที่เดินทางไกลหรืออยู่นอกตัวเมือง ปัญหานี้อาจทำให้เจ้าของรถรู้สึกเหงื่อตกได้
ปกติแบตเตอรี่จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ประมาณ 1.5 – 2 ปี โดยระยะเวลารับประกันจะมีตั้งแต่ 1 ปีจนถึง 2 ปีเต็ม ในการเช็คสภาพแบตเตอรี่จะมีตัวเลขหนึ่งซึ่งเป็นเกณฑ์หลักที่จะใช้พิจารณาคุณภาพของแบตเตอรี่ว่ามีความปกติหรือผิดปกติหรือไม่ นั่นก็คือค่า CCA ย่อมาจากคำว่า Cold Cranking Amps หมายถึง ค่าแบตเตอรี่ที่รถสามารถจ่ายไฟได้ในสภาวะอากาศเย็นที่มีอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส แต่เนื่องจากสภาวะอากาศในประเทศไทยไม่ได้ต่ำกว่า 0 องศา ค่า CCA นี้จึงนำมาใช้เทียบเคียงเมื่อมีการสตาร์ตรถหลังจากจอดให้เครื่องยนต์เย็นแทน
ค่า CCA สามารถตรวจสอบได้ 2 ตำแหน่งคือ ตัวแบตเตอรี่ และรถรุ่นที่ใช้ ซึ่งแบตเตอรี่แต่ละรุ่น รวมถึงรถยนต์รุ่นต่าง ๆ จะมีการกำหนดค่า CCA ไว้ต่างกันหมด ซึ่งหากค่า CCA ของแบตเตอรี่รถต่ำกว่าค่า CCA ของรถ ก็แนะนำว่าควรเปลี่ยนแบตเตอรี่จะดีกว่า แม้ว่ารถจะยังสามารถสตาร์ตใช้ได้ตามปกติก็ตาม เพราะนี่เป็นสัญญาณของอาการแบตรถยนต์เสื่อมที่จะตามมาในไม่ช้า
ราคาแบตเตอรี่รถยนต์
สำหรับราคาของแบตเตอรี่รถยนต์จะอยู่ที่ประมาณหลักพันต้น ๆ ตั้งแต่ 1,500 – 2,000 บาทขึ้นไป ซึ่งสามารถเลือกเปลี่ยนกับอู่ซ่อมรถ หรือศูนย์บริการที่เราใช้งานเป็นประจำได้แล้วแต่ความสะดวก
ข้อควรรู้ก่อนการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์
สำหรับผู้ใช้รถที่ไม่อยากจะเสียเงินไปตรวจสอบสภาพรถบ่อยครั้ง อาจจะใช้วิธีซื้อเครื่องทดสอบคุณภาพแบตเตอรี่ (Battery Tester) มาใช้งานกันเองได้ แต่หากไม่สะดวกใช้เครื่องวัดคุณภาพแบตเตอรี่ก็สามารถตรวจสอบได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
1.สังเกตว่ารถสตาร์ตติดได้ยากหรือไม่
โดยสังเกตขณะบิดกุญแจรถหรือกดปุ่มสตาร์ตเครื่อง หากรถติดทันทีก็แสดงว่าแบตเตอรี่ยังทำงานได้ตามปกติ แต่หากตรงกันข้ามก็อาจเป็นสัญญาณเตือนว่าแบตเตอรี่รถเริ่มเสื่อมแล้ว
2.สังเกตการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าต่าง ๆ ภายในรถ
เมื่อเปิดเครื่องปรับอากาศ ระบบวิทยุ ให้สังเกตว่าการทำงานยังคงเป็นปกติหรือไม่ หากมีเสียงการทำงานที่ขาดช่วง มีสัญญาณไฟกระตุกหรือกะพริบก็อาจเป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกได้ว่าต้นตอมาจากคุณภาพแบตเตอรี่ที่เริ่มเสื่อมนั่นเอง
การใช้งานรถยนต์เป็นเรื่องที่ไม่ควรวางใจรอจนพังแล้วค่อยซ่อมแซม เพราะมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเข้าข่ายเสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย หากพบว่ามีอาการผิดปกติก็ควรรีบซ่อมแซมตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อสุขภาพรถของคุณ ให้ใช้งานได้ยาวนาน
ไม่เพียงแต่เรื่องแบตเตอรี่รถยนต์ที่ควรให้ความสนใจ แต่เรื่องของประกันรถยนต์ก็เช่นกัน เลือกซื้อประกันกับผู้ให้บริการที่เชี่ยวชาญ ดูแลอย่างใส่ใจ และพร้อมให้คำปรึกษาตั้งแต่เริ่ม โดยคุณสามารถเลือกปรับเปลี่ยนความคุ้มครองได้ตามสไตล์การขับขี่ไปจนถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต เมื่อซื้อประกันรถยนต์กับ ไดเร็ค เอเชีย ไม่ว่าจะเป็น ประกันชั้น 1, ประกันรถยนต์ชั้น 1 เซฟ, ประกันรถยนต์ 2+, ประกันรถยนต์ 3+, ประกันชั้น 2, และ ประกันชั้น 3 แถม ผ่อนสบาย ๆ 0% นาน 10 เดือน ไม่มีบัตรก็ผ่อนได้ ซื้อวันนี้ฟรี บัตรเติมน้ำมันมูลค่าสูงสุด 1,500 บาท ด่วนจำนวนจำกัด!
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
บทความที่เกี่ยวข้อง
หากต้องการสอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้าน ประกันรถยนต์ โทรฯ 02 767 7777 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมพร้อม เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ ทั้ง ประกันชั้น 1, ประกันรถยนต์ชั้น 1 เซฟ, ประกันรถยนต์ 2+, ประกันรถยนต์ 3+, ประกันชั้น 2, และ ประกันชั้น 3 สามารถติดตามรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ https://www.directasia.co.th/
