สำหรับมือใหม่หัดขับรถเที่ยวต่างประเทศทำได้ง่ายๆ ไม่มีหลง
ใช้ GPS เที่ยวต่างประเทศ นำทางขับรถได้ง่ายๆ ไม่มีหลง
ใกล้ถึงช่วงวันหยุดยาวอย่างสงกรานต์แล้ว วางแผนเที่ยวกันไว้อย่างไรบ้างครับ สำหรับพี่กู๊ดแล้วตั้งใจจะขับรถเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ ในประเทศไทยครับ ซึ่งสำหรับเส้นทางที่ไม่เคยชินแบบนี้ก็คงต้องพึ่ง GPS ให้ช่วยนำทางไปยังจุดหมายที่ต้องการ แต่รู้หรือไม่ว่า GPS นำทางติดรถนั้นทำงานกันยังไง แล้วใช้งานอย่างไรถึงจะทั้งดี ทั้งปลอดภัย ที่สำคัญ GPS ในแต่ละประเทศเข้าใช้งานกันอย่างไร งานนี้รับรองว่าเที่ยวไม่มีหลงใช้งานไม่มีเหวอแน่นอนครับ พี่กู๊ดได้รวบรวมมาให้แล้ว
GPS ติดรถทำงานยังไงกันนะ?
ปกติแล้วระบบนำทางในรถยนต์(Car navigation system / Automobile navigation system) นั้นใช้ดาวเทียมช่วยในการส่งค่าเพื่อคำนวณตำแหน่งพิกัด ของรถยนต์ โดยใช้ตัวรับสัญญาณ GPS บอกตำแหน่งที่อยู่บนพิกัดโลกไปยังจุดหมายปลายทางที่เราจะไป แล้วใช้ระบบอื่นๆ เข้ามาคำนวณถึงระยะทางที่ใช้งานขึ้นอีกที ซึ่งแต่ละบริษัททั่วโลกนั้นก็จะมีข้อมูลพื้นฐานที่บริษัททำแผนที่ได้ทำไว้ นอกจากนี้ GPS ยังช่วยติดตามการเคลื่อนที่ของรถ และตรวจสอบในเรื่องความปลอดภัยได้อีกด้วยครับ
ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ก็เลือกใช้ระบบนำทางในรถควบคู่กับสมาร์ทโฟน แต่รู้หรือไม่ว่า แต่ว่าการใช้งานของ GPS ในแต่ละแบบก็มีข้อจำกัดนะครับ ในส่วนของรถยนต์นั้นจะสามารถจับสัญญาณ GPS ได้แม่นยำกว่าเมื่ออยู่ในสภาพภูมิอากาศที่ฝนตก เมฆหนา และในบางพื้นที่อย่างใต้อุโมงค์ หรืออยู่ระหว่างตึกสูง รวมถึงฟิล์มกรองแสงในรถยนต์บางยี่ห้อ เมื่อเทียบกับระบบนำทางในสมาร์ทโฟน แต่ข้อดีของระบบนำทางในสมาร์ทโฟนนั้นจะมีการอัพเดทเส้นทางบ่อยกว่าระบบนำทางในรถครับ ทั้งนี้ก็ต้องปรับให้ใช้งานตามความเหมาะสมของผู้ขับจะดีกว่า
GPS บนรถต่างประเทศ ระบุพิกัดแตกต่างกันนะ
จริงอยู่ว่าระบบนำทางส่วนใหญ่มักจะเป็นค่ามาตรฐานที่ใช้ร่วมกันได้ทั่วโลก หากพิมพ์ชื่อสถานที่ ลงไปในระบบนำทางก็จะสามารถหาพิกัดได้ แต่จะใช่สถานที่ที่เราจะไปหรือเปล่า ต้องเช็คอีกทีนะครับ เพราะบางทีปักหมุดชื่อสถานที่ว่าใช่ พอไปที่ถึงที่ที่ปักหมุดไว้แล้วไม่ใช่ก็มีให้เห็นเหมือนกัน ประสบการณ์ตรงจากพี่กู๊ดที่อยากบอกเลยครับ หากเป็นไปได้ก็แนะนำเป็นพิกัดละติจูดลองติจูดลงไปเพื่อความมั่นใจ แต่ว่าบางประเทศนั้นเขาก็จะมีเทคนิคการใช้ GPS ต่างกันไปนอกเหนือจากการใส่ชื่อสถานที่และพิกัด สำหรับใครที่มีแพลนจะขับรถเที่ยว ลองมาดูกันครับว่าพวกเขาทำยังไงกัน
ขับรถเที่ยวอเมริกา: บ้านเลขที่ตัวช่วยสำคัญ
GPS จะเป็นตัวช่วยชั้นดีในการขับรถเที่ยวที่สหรัฐอเมริกา ซึ่งตัวเลขที่นิยมกรอกให้ระบบนำทางคือบ้านเลขที่ โดยให้ระบุบ้านเลขที่จากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่ง แล้วถ้าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวจะต้องทำอย่างไร? ข้อแนะนำ คือ ให้ลองหาในโหมด สถานที่ที่น่าสนใจ หรือแหล่งท่องเที่ยว แล้วอาศัยดู GPS ไปแบบมีสติเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ เพียงเท่านี้ก็ถึงจุดหมายได้อย่างไม่ยุ่งยากแล้วล่ะครับ
ขับรถเที่ยวอังกฤษ : รหัสไปรษณีย์เป๊ะพร้อมนำทาง
ที่ประเทศอังกฤษจะแตกต่างจากอเมริกา เพราะที่นี่รหัสไปรษณีย์จะเป็นตัวช่วยในการนำทางได้ดีที่สุด เพียงคุณกรอกรหัสไปรษณีย์เข้าเครื่อง GPS ข้อมูลบ้านเลขที่ และถนนขึ้นมาให้ทันที ที่สำคัญเป๊ะแบบสุดๆ เลยครับ สำหรับใครที่มีแพลนขับรถเที่ยวที่อังกฤษแนะนำว่า ให้เตรียมที่อยู่พร้อมรหัสไปรษณีย์ให้พร้อมจะช่วยลดโอกาสการหลงทางได้มากขึ้นครับ
ตัวอย่าง: รหัสไปรษณีย์ของอังกฤษจะมี 6 ตัว และเว้นวรรคตรงกลาง อย่างเช่น PO18 0HU หรือ L22 0LD ซึ่งตอนกรอกลงใน GPS ก็ต้องเว้นวรรคตรงกลางด้วยนะครับ
ขับรถเที่ยวญี่ปุ่น: Map Code คือคำตอบสุดท้าย
ปกติแล้วหลายคนอาจจะเคยได้ยินมาว่าเบอร์โทรศัพท์ 10 หลักสามารถระบุลงไปในระบบนำทางของรถยนต์ที่ญี่ปุ่นได้เลย แต่ในความจริงแล้วการระบุแค่ 10 หลักนั้นจะค่อนข้างหยาบ เพราะระบุพื้นที่กว้างถึง 900 ตารางเมตร ซึ่งอาจจะทำให้เราสับสนได้ ดังนั้นควรจะระบุ Map Code เลขจำนวน 12 หลัก โดยเลข 2 หลักสุดท้าย จะอยู่หลังเครื่องหมาย* โดยสามารถหาผ่านทางเว็บไซต์ japanmapcode.com/en/ ซึ่งลักษณะการใช้งานใกล้เคียงกับ Google map เลยครับ
GPS ใช้นำทางไม่ดี อาจเกิดอุบัติเหตุ
บางครั้ง GPS อาจทำให้เสียสมาธิในการขับรถได้ หลายคนอาจจะเคยได้ยินเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดจากการนำทาง พาไปหลงและตกข้างทาง หรือการละสายตาเพื่อมามองหน้าจอ GPS รวมถึงการละเลยในการอัพเดทข้อมูลของระบบนำทางที่ทำการคำนวณอาจผิดเพี้ยนจากเส้นถนนปัจจุบันที่อาจเปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งพี่กู๊ดขอยืนยันครับว่าหากเราใช้งาน GPS อย่างเหมาะสมแล้วจะลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุได้ครับ
สิ่งที่คนขับรถทุกคนควรทำ คือ ศึกษาเส้นทางก่อนเดินทางไว้ก่อนเสมอ โดยเฉพาะเส้นทางที่ไม่ชำนาญ อีกทั้งจะต้องมีสติตลอดเวลา สายตาและสมองต้องพร้อม รวมถึงหมั่นสังเกตความผิดปกติอยู่เสมอ และที่สำคัญผู้ขับขี่ไม่ควรมาปรับเปลี่ยนโหมด GPS ในระหว่างขับขี่รถยนต์ด้วยความเร็วสูง หากจำเป็นต้องใช้จริงๆ ควรหาที่จอดเพื่อดูเส้นทาง หรือให้คนช่วยดูแล้วบอกทางบอกทางบอกระยะให้
ขับรถเที่ยวแบบนี้ ต้องทำประกันอีกไหมนะ?
พี่กู๊ดแนะนำว่า หากเป็นไปได้เพื่อป้องกันไว้ก่อนควรจะเลือกซื้อประกันภัยรถยนต์ด้วยจะดีกว่าครับ สำหรับการขับรถเที่ยวในต่างประเทศ พี่กู๊ดแนะนำให้ซื้อประกันภัยบุคคลที่ 3 ด้วย เพราะถ้าเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาและโดยเฉพาะมีผู้บาดเจ็บอาจสร้างความยุ่งยากให้อย่างมาก อาจจะต้องจ่ายค่าเสียหายเป็นค่ารักษาพยาบาลให้กับผู้บาดเจ็บจำนวนไม่น้อย และอาจถึงขั้นถูกดำเนินคดีในต่างแดนได้ แต่สำหรับขับขี่ท่องเที่ยวในประเทศนั้น ถ้าคุณได้ทำประกันภัยรถยนต์กับทาง DirectAsia แล้วนั้นก็ไม่ต้องกังวลไปครับ เพราะ DirectAsia นั้นพร้อมที่ให้ความคุ้มครองกับทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนครับ พี่กู๊ดคอนเฟิร์ม!
สำหรับใครที่ใช้รถและระบบนำทาง GPS นี่เป็นเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ GPS ที่พี่กู๊ดตั้งใจเอามาฝากกันครับ ทั้งนี้ไม่ว่าจะเที่ยวในประเทศหรือต่างประเทศ จะใช้ GPS หรือไม่ใช้ GPS ก็จะต้องขับรถด้วยความระมัดระวังและมีสติทุกครั้งในการขับขี่เพื่อลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุนะครับ และที่สำคัญเมาไม่ขับ ขับขี่ด้วยความปลอดภัยกันด้วยนะครับ!!!
หากต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือ สนใจ ประกันรถยนต์ชั้น 1,ประกันรถยนต์ชั้น 2+, ประกันรถยนต์ชั้น 3+, ประกันรถชั้น 2 หรือ ประกันรถยนต์ชั้น 3 สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 02-767-7777 ทาง DirectAsia มีเจ้าหน้าที่ที่พร้อมให้ข้อมูลและดูแลลูกค้าทุกวัน
สามารถโทรติดต่อได้ตั้งแต่ 08.00 – 20.30 น. ในวันจันทร์ถึงศุกร์และ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 18.00 น. ในวันเสาร์และวันอาทิตย์ :)