What can we help you with?

ตรวจสภาพรถก่อนต่อภาษี พร้อมวิธียื่นต่อแบบออนไลน์

ตรวจสภาพรถก่อนต่อภาษี

รถเป็นทรัพย์สินที่มีค่าเสื่อม ไม่ว่าจะเป็น รถยนต์ หรือ มอเตอร์ไซค์ ก็ล้วนมีค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาด้วยกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายที่คนมีรถทุกคนจะต้องเตรียมให้พร้อมเมื่อรถมีอายุการใช้งานครบ 5-7 ปีตามกฎหมาย นั่นคือค่าใช้จ่ายการตรวจสภาพรถนั่นเอง

ตรวจสภาพรถยนต์

ตรวจสภาพรถยนต์และจักรยานยนต์ต้องตรวจอะไรบ้าง

จากกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ผู้ครอบครองรถยนต์ดังต่อไปนี้ จะต้องนำรถยนต์เข้ารับตรวจสภาพเมื่อรถมีอายุการใช้งานครบ 7 ปีขึ้นไป ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน, รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล สำหรับรถจักรยานยนต์ หากมีอายุการใช้งานครบ 5 ปีขึ้นไป ก็ต้องนำไปตรวจสภาพรถด้วยเช่นกัน

สำหรับการตรวจสภาพรถยนต์ จะเป็นการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลรถ สภาพของตัวรถ ระบบการควบคุม รวมถึงระบบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น

  • ตรวจวัดเสียงเครื่องยนต์ ต้องมีระดับไม่เกิน 100 เดซิเบล
  • ความถูกต้องของข้อมูลรถ ได้แก่ แผ่นป้ายทะเบียนรถ ลักษณะรถ เลขตัวถัง เลขเครื่องยนต์
  • ระบบบังคับเลี้ยว ระบบเบรก และประสิทธิภาพการเบรก
  • โคมไฟหน้า ค่าความเข้มของแสง การเบี่ยงเบนของลำแสง
  • สำหรับรถยนต์ส่วนบุคคลไม่เกิน 7 ที่นั่ง มีการตรวจสอบค่าก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และก๊าซไฮโดรคาร์บอน (HC)
  • สำหรับรถเครื่องยนต์ดีเซล ตรวจควันดำและระบบการกรอง โดยต้องไม่เกินร้อยละ 50 รวมถึงระบบความทึบแสงต้องไม่เกินร้อยละ 45
  • สำหรับรถยนต์ที่ติดตั้งระบบแก๊ส จะมีการตรวจสอบอุปกรณ์ทั้งระบบ และถังแก๊สต้องมีอายุไม่เกิน 10 ปี
  • กรณีรถที่ติดตั้งระบบแก๊สมีอายุเกิน 10 ปี จะพิจารณาความสมบูรณ์ในการใช้งาน จึงจะสามารถออกใบรับรองเพื่อยืดอายุการใช้งานต่อได้อีก 5 ปี

สำหรับรถจักรยานยนต์นั้นโดยรวมมีรายการตรวจสอบคล้ายกับรถยนต์ แต่จะมีรายละเอียดน้อยกว่า ได้แก่

  • ตรวจสอบสภาพโดยรวมของรถว่าอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ปกติ ได้แก่ กระจกมองหลัง ชุดสี ชุดแฟริ่ง
  • ระบบส่องสว่างว่าสามารถใช้งานได้ทุกดวงอย่างสมบูรณ์ ได้แก่ ไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟท้าย ไฟเบรก
  • ความสมบูรณ์ของระบบเบรก
  • ความสมบูรณ์ของระบบแตร และค่าไอเสียมลพิษทางอากาศตามข้อบังคับกฎหมาย
ตรวจเช็กสภาพรถ

ตรวจสภาพรถที่ไหนได้บ้าง ?

การตรวจสภาพรถสามารถทำได้ 2 แห่ง ได้แก่ กรมการขนส่งทางบกประจำพื้นที่ และ สถานตรวจสภาพรถเอกชน (ตรอ.) ที่ได้รับอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก เพื่อสามารถออกเอกสารการันตีเพื่อใช้ในการต่อภาษีประจำปีได้ แต่จะมีรถบางประเภทที่ไม่สามารถตรวจที่ ตรอ. ได้ ได้แก่ รถที่มีการเปลี่ยนสีหรือเปลี่ยนแปลงตัวรถ, รถที่มีปัญหาตัวเลขเครื่องยนต์หรือตัวเลขรถไม่ชัดเจน, รถที่แจ้งใช้งานชั่วคราว, รถที่มีเลขทะเบียนรุ่นเก่า, รถที่มีปัญหาเกี่ยวกับการโจรกรรม หรือรถที่ขาดต่อทะเบียนเกินกว่า 1 ปี

ทั้งนี้การนำรถเข้าไปตรวจสภาพ ควรเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้องกับรถไปด้วย ได้แก่ ใบคู่มือจดทะเบียนรถหรือทะเบียนรถ และสามารถนำรถเข้าไปตรวจสภาพได้ล่วงหน้าภายใน 3 เดือนก่อนถึงวันหมดอายุภาษีประจำปี โดยมีค่าใช้จ่ายการตรวจสภาพรถแต่ละประเภท ดังนี้

  • รถยนต์ ขนาดน้ำหนักรถเปล่าไม่เกิน 2,000 กิโลกรัม ค่าใช้จ่าย 150 บาท
  • รถยนต์ ขนาดน้ำหนักรถเปล่าเกิน 2,000 กิโลกรัม ค่าใช้จ่าย 250 บาท
  • รถจักรยานยนต์ คันละ 60 บาท

การตรวจสภาพรถ เป็นขั้นตอนที่สำคัญซึ่งต้องดำเนินการให้เรียบร้อยก่อนทำการต่อภาษีรถยนต์ประจำปี ซึ่งปัจจุบันสามารถต่อภาษีรถได้หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการต่อภาษีที่กรมการขนส่งใกล้บ้าน หรือการต่อภาษีผ่านช่องทางออนไลน์ผ่าน https://eservice.dlt.go.th รวมถึงการต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้รถได้มากขึ้น สำหรับใครที่สนใจทำประกันรถยนต์ออนไลน์ ที่มีแผนความคุ้มครองมากขึ้น ขอแนะนำประกันชั้น 2+ เฉพาะรุ่น คุ้มครองครอบคลุมทั้งความเสียหายต่อตัวรถ บุคคลที่สาม ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และประกันชั้น 3+ ที่สามารถเลือกแผนการขับขี่ให้ตรงกับการใช้งานได้จริง ทั้งความเสียหายและความรับผิดต่อบุคคลภายนอก เพื่อความพร้อมสูงสุดในการขับขี่ตลอดช่วงเทศกาลนี้

สอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัยรถยนต์  โทร 02-767-7777 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันชั้น 1 เซฟ, ประกันรถยนต์ 2+, ประกันรถยนต์ 3+, ประกันชั้น 2 และ ประกันชั้น 3 คลิก https://www.directasia.co.th