- ประกันรถน้ำท่วม มีประกันรถยนต์ชั้นไหนบ้าง
- ประกันน้ำท่วมรถ ต้องพิสูจน์ก่อนเคลมประกัน
- ประกันรถยนต์ คุ้มครองน้ำท่วมรถแค่ไหน
- ประกันน้ำท่วมรถ เคลมประกันอย่างไร
ฝนตกทีไรก็ทำให้คนมีรถอย่างเรา ๆ กลุ้มใจทุกที นอกจากจะเป็นสาเหตุที่ทำให้รถติดหนึบแล้ว ทั้งน้ำท่วมขังพื้นผิวจราจร หรือบางครั้งฝนตกหนักจนกลายเป็นน้ำท่วม ถึงแม้ว่าระดับน้ำขังจะไม่ได้ท่วมรถทั้งคัน แต่แค่สูงกว่าเครื่องยนต์ก็ต้องหวั่นใจพารถวิ่งเข้าหาศูนย์หรืออู่กันยกใหญ่ แต่เหตุการณ์แบบนี้ใช่ว่าจะไม่มีทางแก้ไข ปัญหานี้พี่กู๊ดพร้อมช่วยแนะนำประกันภัยรถยนต์ที่เหมาะสมพร้อมป้องกันเหตุการณ์ภัยธรรมชาติอย่างน้ำท่วม และขั้นตอนการเคลมแบบง่าย ๆ มาให้รู้กันเพื่อเตรียมพร้อมเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นครับ
ประกันรถน้ำท่วม มีประกันรถยนต์ชั้นไหนบ้าง
ประกันรถยนต์ภาคสมัครใจนั้นมีหลายความคุ้มครองให้เลือก ซึ่งตามที่หลายคนรู้ ความคุ้มครองเรื่องของภัยธรรมชาตินั้น บริษัทประกันมักจะคุ้มครองกรณีที่เป็นประกันรถยนต์ชั้น 1 หรือประกันชั้น 1 เซฟ เท่านั้น พี่กู๊ดอยากบอกครับว่าปัจจุบันเราสามารถจ่ายน้อยลงแต่ยังคงความคุ้มครองในส่วนของภัยธรรมชาติได้ด้วยประกันรถยนต์ 2+ จาก DirectAsia
ข้อดีของประกันรถยนต์ 2+ คุ้มครองน้ำท่วม / ภัยธรรมชาติ
ข้อดีของประกันภัยชั้น 2+ นั้นมีความคุ้มครองเกือบเทียบเท่าประกันชั้น 1 อีกทั้งเบี้ยประกันเองก็ถูกลงไปกว่าครึ่งหนึ่ง ดังนั้น ใครที่กำลังมองหาประกันภัยรถยนต์ที่คุ้มครองในส่วนของภัยธรรมชาติด้วยแล้ว พี่กู๊ดขอบอกเลยประกันชั้น 2+ จาก DirectAsia คุ้มค่าและตรงใจอย่างแน่นอน สบายใจได้เลยว่าหากเจอเหตุการณ์น้ำท่วมยังมีความคุ้มครองส่วนนี้คอยช่วยซ่อมรถให้คุณอยู่
ประกันน้ำท่วมรถ ต้องพิสูจน์ก่อนเคลมประกัน
ใช่ว่าน้ำท่วมรถคุณแล้วจะเคลมประกันได้นะครับ ทั้งนี้ต้องพิสูจน์ได้ด้วยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากความตั้งใจของเรา เช่น รถคุณจอดอยู่เฉย ๆ แล้วน้ำท่วม หรือ ขับรถอยู่ในเส้นทางแล้วฝนตกจนน้ำท่วมไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือเปลี่ยนเส้นทางได้ แต่ถ้าคุณตัดสินใจขับรถลุยน้ำท่วมทั้ง ๆ ที่เห็นอยู่แล้วว่าน้ำท่วม แถมยังมีป้ายแจ้งเตือนของระดับน้ำอย่างชัดเจนแล้วยังฝืนไป จนรถดับกลางถนนกรณีนี้จะอดเคลมอย่างแน่นอน เพราะเราเป็นฝ่ายทำให้รถตัวเองเสียหายนั่นเอง
ประกันรถยนต์ คุ้มครองน้ำท่วมรถแค่ไหน
1. รถน้ำท่วม ได้รับความเสียหายสิ้นเชิง
บริษัทจะจ่ายค่าสินไหมทดแทนเต็มจำนวนเงินเอาประกันภัย ที่ระบุไว้
รถยนต์เสียหายสิ้นเชิงในที่นี้หมายถึง รถยนต์ได้รับความเสียหายจนไม่อาจซ่อมให้อยู่ในสภาพเดิมได้ หรือเสียหายไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของมูลค่ารถยนต์ในขณะเกิดความเสียหาย ซึ่งในกรณีที่เอาประกันภัยไว้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่ารถยนต์ในขณะที่เอาประกันภัย ผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับประโยชน์แล้วแต่กรณี ต้องโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้แก่บริษัทซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และให้ถือว่าการคุ้มครองรถยนต์นั้นเป็นอันสิ้นสุด
2. รถน้ำท่วม ได้รับความเสียหาย แต่ไม่ถึงกับเสียหายสิ้นเชิง
ในกรณีรถยนต์ได้รับความเสียหาย แต่ไม่ถึงกับเสียหายสิ้นเชิง บริษัท และผู้เอาประกันภัยอาจจะตกลงกันให้มีการจัดซ่อม หรือเปลี่ยนรถยนต์ หรือชดใช้เป็นเงินก็ได้
ประกันน้ำท่วมรถ เคลมประกันอย่างไร
หากใครที่ประสบเหตุการณ์น้ำท่วมแล้วต้องการเคลม พี่กู๊ดมีข้อมูลง่าย ๆ เบื้องต้นเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับคนที่ต้องเคลมมาฝากกัน
- ถ่ายรูปรถในขณะถูกน้ำท่วม ควรถ่ายให้เห็นทะเบียนรถ เพื่อเป็นหลักฐาน
- ตรวจสอบความเสียหายในรถ และถ่ายรูปไว้ พร้อมบันทึกความเสียหาย วันเวลา สถานที่ที่เกิดน้ำท่วมขึ้น
- ตรวจสอบกรมธรรม์ และอ่านทำความเข้าใจเงื่อนไขให้ละเอียด
- แจ้งทำเคลมทางโทรศัพท์กับบริษัทประกันภัย
- นัดหมายการตรวจสภาพความเสียหายของรถยนต์กับเจ้าหน้าที่บริษัทประกันภัย เพื่อเตรียมซ่อม
- กรณีรถวิ่งไม่ได้ต้องขอให้ทางบริษัทประกันภัยส่งรถยกมาลากไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ (บริษัทประกันภัยจะรับผิดชอบค่ารถยกลากไม่เกิน 20% ของค่าซ่อม)
สำหรับใครที่มองหาประกันรถยนต์ที่คุ้มครองในส่วนนี้ พี่กู๊ดแนะนำประกันชั้น 2+ จาก DirectAsia เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจครับ เพราะเบี้ยประกันถูกกว่าประกันชั้น 1 แต่คุ้มครองในส่วนนี้เช่นกัน ถึงแม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมรถทั้งคันอาจจะไม่เกิดขึ้นได้บ่อย แต่หากบังเอิญเจอหรือตกอยู่ในสภาพน้ำท่วมสูงก็คงจะน้ำตาตกในกันแน่ ๆ คงจะดีกว่าถ้ามีการทำประกันภัยรถยนต์ให้อุ่นใจ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย เผื่อไว้นะครับ เพราะเราไม่มีทางรู้เลยจริง ๆ ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต
สอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้าน ประกันรถยนต์ โทรฯ 0-2767-7777 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมพร้อม เช็คราคาประกันรถยนต์ ทั้ง ประกันชั้น 1, ประกันชั้น 1 เซฟ, ประกันชั้น 2+, ประกันชั้น 3+, ประกันชั้น 2, และ ประกันชั้น 3 คลิก https://www.directasia.co.th
