What can we help you with?

เลือกยางรถยนต์อย่างไรดีให้เหมาะกับการขับขี่?

ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี เลือกให้เหมาะ

เลือกยางรถยนต์อย่างไรดี?

ยางรถยนต์ เป็นส่วนประกอบสำคัญของรถเพียงส่วนเดียวที่สัมผัสกับพื้นถนน คอยขับเคลื่อนพาเราไปยังจุดหมายปลายทาง การเลือกยางให้เหมาะสมกับการใช้งาน ก็ยังช่วยให้เราขับปลอดภัยไปด้วย เราจึงจะต้องรู้ประเภทยางและเลือกยางรถให้เหมาะกับการใช้งาน ซึ่งสิ่งที่ควรคำนึงถึงก็คือ “ดอกยาง” ดอกยางมีหน้าที่คอยช่วยยึดรถให้เกาะกับถนน ดอกยางที่ดีควรมีความลึกไม่น้อยกว่า 3 มม. แบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ

ยางรถยนต์ยี่ห้อไหนดี

  • ดอกยางละเอียด (rib pattern)

    เหมาะกับรถขับทางเรียบ เพราะดอกยางจะเป็นแนวยาวตามเส้นรอบวงของยาง ดอกยางแบบนี้จะช่วยไม่ให้เสียพื้นผิวสัมผัสกับหน้าถนนมากจนเกินไป สามารถรีดน้ำออกได้อย่างรวดเร็ว และมีเสียงรบกวนน้อย

  • ดอกยางแบบบั้ง (lug pattern)

    เหมาะกับรถที่ขับทางขรุขระเป็นประจำ เพราะดอกยางจะเป็นบั้งแนวขวาง มีร่องยางลึกช่วยให้ทนทาน และมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

  • ดอกยางแบบผสม (rib lug pattern)

    เหมาะกับรถที่ขับทั้งทางเรียบและทางขรุขระสลับกันไป ผสมเอาจุดเด่นของดอกยางเรียบและดอกยางบั้งไว้ด้วยกัน โดยดอกละเอียดจะอยู่ด้านในตรงกลาง ดอกยางบั้งจะอยู่ขนาบสองข้างในหน้ายางเดียวกัน

  • ดอกยางแบบบล็อก (block pattern)

    เหมาะกับรถใช้งานแบบลุยๆ ขึ้นเขาลงห้วย อย่างรถโฟร์วีล เป็นต้น มีลักษณะเป็นจุดหรือก้อน รูปทรงมีทั้งแบบวงกลมและเหลี่ยม ซึ่งมีประสิทธิภาพในการตะกุยสูง

ยางรถยนต์สำคัญ เลือกให้เหมาะ

ประเภทของดอกยางรถยนต์

ประเภทของดอกยางจะมี 3 แบบคือ

  • แบบสมมาตร (Symmetrical)

    เหมาะกับการใช้ขับขี่ธรรมดาทั่ว ๆ ไป เพราะหน้ายางจะมีดอกยางที่เหมือนกัน แบบนี้จะทำให้เวลาขับรถมีความนุ่ม

  • แบบไม่สมมาตร (Asymmetrical)

    เหมาะกับคนที่ชอบขับรถด้วยความเร็วสูง และต้องการเข้าโค้งที่ปลอดภัย เพราะดอกยางจะแตกต่างกัน เน้นการขับขี่ที่ต้องยึดเกาะถนน เหมาะกับการเข้าโค้งความเร็วสูง

  • แบบกำหนดทิศทางการหมุน (Direction)

    จะมีลักษณะหมุนหรือชี้ไปทิศทางเดียวกัน ทำให้มีการรีดน้ำ ควบคุมการทรงตัวได้ดี และขับขี่ความเร็วสูงได้ดี แต่จะยุ่งยากในการเปลี่ยน หรือสลับยาง ใส่ผิดทิศไม่ได้ เพราะส่งผลต่อการขับขี่

นอกจากนี้ การเลือกยาง ต้องคำนึงถึงระยะห่างระหว่างเส้นกึ่งกลางของกระทะล้อ (Center Line of Rim) กับหน้าแปลนดุมล้อ (Hub Disc) ด้วย ซึ่งถ้าออฟเซทมีค่ามากขึ้น จะทำให้แก้มยางเข้าใกล้ตัวรถมากขึ้น ในขณะที่ค่าออฟเซทน้อยลงก็ทำให้แก้มยางล้นได้ และที่สำคัญควรรู้ว่ารหัสต่างๆ ที่เขียนอยู่บนแก้มยาง นั้นคืออะไร

รหัสยางรถยนต์ อ่านอย่างไร?

เช่น รหัสบนแก้มยาง 205/70 R15 86h

  • 205 คือ ความกว้างของหน้ายางจากซ้ายสุดถึงขวาสุด หน่วยเป็นมิลลิเมตร
  • 70 คือ ความสูงของแก้มยางเป็นเปอร์เซ็นต์จากความกว้างของหน้ายาง
  • R คือ ชนิดของยาง ซึ่งตอนนี้เป็นเรเดียลเกือบทั้งหมด
  • 15 คือ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางล้อ หน่วยเป็นนิ้ว
  • 86 คือ พิกัดรับน้ำหนักบรรทุก
  • h คือ พิกัดอัตราความเร็ว

รู้วิธีเลือกยางให้เหมาะกับการใช้งานแล้ว ก็อย่าลืมวิธีดูแลรักษายางรถยนต์ควบคู่กันไปด้วยนะคะ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของยางรถของคุณให้ดีขึ้นไปอีก