ฝนตก รถติด… อาจเป็นเรื่องชวนหัวเสียที่ดีกว่า “รถเหินน้ำ” หรือ Hydroplaning ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่พบได้บ่อยในช่วงหน้าฝน แม้เราจะพยายามขับขี่ด้วยความระมัดระวัง แต่เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขันต้องรับมืออย่างไร แท้จริงแล้วรถเหินน้ำเกิดจากอะไร หาคำตอบไปพร้อมกันในบทความนี้
รถเหินน้ำเกิดจากอะไร สถานการณ์แบบไหนมีโอกาสเกิดสูง!
ผิวถนนลื่น ทัศนวิสัยไม่ชัดเจน คือสิ่งที่เกิดขึ้นแทบในทันทีที่ฝนตก ไม่ว่าความแรงของฝนจะหนักเบาแค่ไหน แต่ก็ส่งผลให้พื้นผิวถนนเปลี่ยนไปชัดเจน ยิ่งบวกกับปัจจัยกระตุ้นในช่วงเวลานั้น ยิ่งเพิ่มโอกาสเกิดรถเหินน้ำตามมาได้ง่ายๆ
- พื้นผิวถนนหรือสภาพถนน โดยเฉพาะถนนบางเส้นบางช่วงที่มีคราบสิ่งสกปรกเปรอะเปื้อนอยู่ ยิ่งเสี่ยงเกิดรถเหินน้ำได้ง่ายและอีกสิ่งสำคัญไม่แพ้กันที่หลายคนมักชะล่าใจหลังฝนตกคือการขับรถผ่านน้ำท่วมขัง ซึ่งมักเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุรถตกข้างทางหรือชนกันระเนระนาดได้อยู่บ่อยๆ อุบัติเหตุรถเหินน้ำจึงอาจไม่ใช่เพราะถนนลื่นเสมอไป แต่อาจเป็นเพราะการขับผ่านจุดที่มีน้ำท่วมขังด้วยความเร็วร่วมด้วยนั่นเอง
- การเบรกกะทันหัน บ่อยครั้งที่ความตกใจผลักให้เราตัดสินใจเหยียบเบรกกะทันหัน จนทำให้รถสะบัดและเสียการทรงตัวเพราะล้อรถไม่สัมผัสกับผิวถนนอย่างที่ควรจะเป็น
- ดอกยางล้อรถ ดอกยางล้อรถที่มีน้อยจะทำให้ล้อรถไม่สามารถสัมผัสกับผิวถนนหรือยึดเกาะถนนได้อย่างเต็มที่ ซึ่งสถานการณ์แบบนี้ยังเป็นสาเหตุของอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่พบได้อยู่เรื่อยๆ ไม่ใช่แค่กรณีของรถเหินน้ำเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
- ความเร็วของรถ สาเหตุสำคัญที่ทำให้รถเกิดอาการเหินน้ำยังมาจากความเร็วของรถ ยิ่งขับเร็วเท่าไร รถก็จะยิ่งลอยตัวหรือยกตัวจากผิวน้ำสูงขึ้นเท่านั้น ดังนั้น เมื่อเห็นว่ามีน้ำท่วมขังผิวถนนอยู่ข้างหน้า แทนที่จะขับฝ่าไปด้วยความเร็ว ให้ลดความเร็วและขับผ่านไปด้วยความเร็วต่ำจะดีที่สุด
Trick วิธีป้องกันรถเหินน้ำ
|
---|
วิธีรับมือรถเหินน้ำ ขับรถปลอดภัยยาวไปตลอดทริป
ได้ทราบความหมายว่ารถเหินน้ำคืออะไร รวมถึงวิธีป้องกันรถเหินน้ำเบื้องต้นกันไปคร่าวๆ แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุจึงต้องเพิ่มวิธีรับมือเผื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันไว้เสมอ โดยเฉพาะในวันที่สภาพอากาศย่ำแย่ นอกจากการเพิ่มความระมัดระวังขับรถฝ่าฝนให้ปลอดภัย ควรซ้อมรับมืออาการรถเหินน้ำยังไงไว้ก่อนบ้าง
- ถอนเท้าออกจากคันเร่ง จังหวะตกใจหลายคนอาจเผลอใส่คันเร่งเพิ่มโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งอาจพบได้ในรถเกียร์ออโต้เป็นส่วนใหญ่ ที่ยิ่งสร้างความเสียหายและอันตรายได้มากที่คิด
- จับพวงมาลัยให้มั่น หนึ่งสิ่งที่เรามักได้ยินกันอยู่บ่อยๆ เมื่อรถสูญเสียการควบคุม ทั้งจากอุบัติเหตุยางแตก รถสะบัด หรือรถเหินน้ำ คือการจับพวงมาลัย ซึ่งเป็นศูนย์กลางควบคุมตัวรถไว้ให้มั่นและอย่าหักพวงอาลัยในทันที เพื่อประคองสถานการณ์ที่ไร้การควบคุมให้ได้มากที่สุด
- อย่าแตะเบรกกะทันหัน อีกหนึ่งวิธีที่ควรนึกถึงให้มากหากเกิดเหตุฉุกเฉิน หรืออาการรถเหินน้ำขึ้นกับตัวเอง เพราะการเหยียบเบรกในทันทีอาจเร่งให้สถานการณ์อันตรายขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นควรตั้งสติและจับพวงมาลัยให้มั่น แล้วค่อยๆ แตะเบรกเบาๆ ควบคู่กับการประคองรถให้จอดอย่างปลอดภัย
ก่อนสตาร์ทรถทุกครั้งควรหมั่นเช็กสภาพรถยนต์ ทั้งล้อรถ หม้อน้ำ ระดับน้ำมันเบรก พกเครื่องมือประจำรถยนต์ติดไว้ และหมั่นตรวจสภาพรถยนต์อยู่เป็นประจำ เพราะอุบัติเหตุส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดตามฤดูกาล แต่เกิดตามจังหวะในสถานการณ์ที่เหมาะสม จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมช่วงหน้าฝนถึงเกิดอุบัติเหตุบ่อย ยิ่ง ถ้ามีประกันภัยรถยนต์ดีๆ ติดรถไว้ยิ่งอุ่นใจกว่าด้วยประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองทันทีเมื่อเกิดความเสียหายทางรถยนต์ เช่น อุบัติเหตุรถชน (ทั้งแบบมีคู่กรณี/ไม่มีคู่กรณี) ความเสียหายจากธรรมชาติ ไฟไหม้ รวมถึงกรณีมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากอุบัติเหตุร่วมด้วย พร้อมบริการช่วยเหลือ 24 ชม. สิทธิพิเศษสำหรับผู้ซื้อประกันชั้น 1 เท่านั้น
สามารถเช็กเบี้ยประกันรถยนต์ผ่านช่องทางออนไลน์ได้ง่ายๆ คลิก
*เงื่อนไขเป็นไปตามบริษัทกำหนด
* ผู้ซื้อควรทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองและเงื่อนไขก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
** เมื่อซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 บนเว็บไซต์เท่านั้น
บทความที่เกี่ยวข้อง
- 5 ข้อต้องระวัง เมื่อขับรถฝ่าฝนตกหนัก
- ดูแลรถของคุณช่วงหน้าฝนกันดีกว่า
- อุบัติเหตุรถยนต์ที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุด
สอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านการประกันภัยรถยนต์ โทร. 0-2767-7777 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมพร้อมเช็คเบี้ยประกันรถยนต์ทั้งประกันรถยนต์ชั้น 1, ประกันชั้น 1 เซฟ, ประกันรถยนต์ 2+, ประกันรถยนต์ 3+, ประกันชั้น 2, และ ประกันชั้น 3 คลิก https://www.directasia.co.th