พันธมิตรช่วยลากรถ ที่พึ่งยามยากเมื่อมีเหตุฉุกเฉินไม่คาดคิด
พูดถึงปัญหาในการใช้รถอย่างหนึ่งที่ใครๆ ก็ไม่อยากเจอคงเป็นเรื่องของรถเสียกลางทาง โดยเฉพาะเสียอยู่ในเส้นทางที่การจราจรคับคั่ง ที่ซ้ำร้ายต้องจอดเสียเท้งเต้งอยู่เลนกลาง จะเข็นเข้าไหล่ทางก็ไม่ได้ จนกลายเป็นตัวปัญหาของเพื่อนร่วมทางไปเสียนี่
หรือเสียในเส้นทางที่เปลี่ยว ห่างไกลชุมชนและผู้คน ยิ่งเป็นช่วงกลางคืนด้วยล่ะก็ ไม่อยากจะคิดเลยว่าความรู้สึกในตอนนั้นจะเคว้งคว้างสักแค่ไหน เรื่องรถเสียกลางทางแบบที่ว่าผมเองได้เห็นบ่อยๆ ที่ผ่านมาก็รู้สึกเฉยๆ คิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อไม่นานมานี้ มีโอกาสได้เห็นรถเสียอยู่คันหนึ่งแถวชานเมือง ทีแรกก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอขับรถผ่านไปเห็นว่าเจ้าของรถเป็นสุภาพสตรีคนหนึ่ง ที่กำลังยืนอยู่ข้างรถเพื่อดูช่างที่เรียกมาเพื่อซ่อมรถให้ก็พลันให้คิดว่าอยากจะคุยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
สุภาพสตรีคนนี้แต่งตัวอยู่ในชุดของการทำงานแบบสาวออฟฟิศหรือคนที่กำลังจะไปติดต่องานอะไรสักอย่าง แทนที่จะได้เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางกลับต้องมายืนตากแดดร้อนๆ ในเวลาเที่ยง แดดกำลังเปรี้ยงๆ เลย มีเพียงแผ่นบังแดดบางๆ กันร้อนอยู่เท่านั้น เห็นแล้วก็น่าเห็นใจ ไม่รู้ว่ารถเสียมานานแค่ไหนแล้ว แต่ยังโชคดีว่าช่างมาถึงที่รถเพื่อช่วยแก้ปัญหาให้แล้ว
เหตุการณ์แบบนี้คงไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง แม้จะเป็นผู้ชายก็ตาม ทั้งเสียเวลา ทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย และเสียเงินอีกต่างหาก ดังนั้นถ้าใครใช้รถที่มีอายุพอสมควรหากไม่อยากเจอเรื่องแบบนี้ ก็ต้องหมั่นตรวจสอบความพร้อมของรถอยู่เสมอ ส่วนคนที่ใช้รถใหม่ก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น เพราะการที่รถมีปัญหากลางทางไม่ใช่ว่ามาจากรถเสียเสมอไป อาจเป็นเรื่องของอุบัติเหตุก็ได้
เมื่อเป็นเช่นนั้น เราควรเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์รถเสียหรือมีปัญหากลางทางเอาไว้ วิธีหนึ่งที่ผมอยากแนะนำคือ การหาพันธมิตรหรือผู้ช่วยยามที่มีปัญหาซึ่งก็คือ บริการลากรถหรือรถยก นั่นเอง
ถ้าเอาแบบฉุกเฉินเฉพาะหน้า ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม คุณสามารถเรียกใช้บริการรถลากได้ตลอดเวลา โดยโทรหา 191 ก็ได้ ให้คุณตำรวจช่วยเรียกให้ หรือโทรไปขอเบอร์ของผู้ที่ให้บริการรถลากในพื้นที่ แต่การใช้บริการฉุกเฉินเฉพาะหน้าแบบนั้นก็ต้องระวังเรื่องค่าใช้จ่ายให้ดี อาจจะถูกเรียกค่าบริการเกินจริง
อีกทั้งหากเป็นพื้นที่ต่างจังหวัดที่ไม่คุ้นเคย จะลากไปที่ไหนต้องเคว้งคว้างแน่นอน เช่นนั้นแล้ว เตรียมตัวเตรียมการไว้ก่อนดีที่สุด ถ้าเป็นรถใหม่ที่มีอายุ 1-3 ปี ซึ่งยังอยู่ในช่วงของการรับประกัน ส่วนใหญ่ศูนย์บริการรถยนต์ต่างๆ จะมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินไว้คอยให้บริการอยู่แล้ว และครอบคลุม (น่าจะเกือบ) ทุกพื้นที่ในประเทศ หากเป็นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ก็จะมีรถโมบายพร้อมช่างวิ่งไปให้บริการนอกพื้นที่เลย แต่หากหนักหนาสาหัส ก็จะมีรถลาก วิ่งไปลากและนำรถเข้าศูนย์บริการที่อยู่ใกล้ ซึ่งอุ่นใจได้มากกว่าที่จะไปเข้าอู่ที่ไหนก็ไม่รู้
ถ้าอยู่ในกรณีนี้ เบอร์ติดต่อศูนย์บริการทั่วประเทศจะมีอยู่ในสมุดคู่มือประจำรถอยู่แล้ว ขอเพียงเอาติดรถไว้ก็พอ แต่ถ้าเป็นรถเก่าหรือสิ้นสุดการรับประกันของศูนย์บริการแล้ว กรณีนี้แหละต้องเริ่มมองหาพันธมิตรอื่นๆ เอาไว้บ้าง ซึ่งผู้ให้บริการลากรถนั้นมีอยู่หลากหลาย
มีทั้งผู้ให้บริการลากรถและช่วยเหลือฉุกเฉินโดยตรง ที่คิดค่าบริการแบบรายปี และเป็นบริการเสริมของการใช้สินค้าหรือบริการต่างๆ เช่น ใช้แบตเตอรี่ของบางยี่ห้อจะมีบริการลากรถแถมให้ด้วย บริการเสริมของบัตรเครดิต หรือบริการเสริมของอู่ซ่อมบางแห่ง
เมื่อสมัครใช้บริการหรือได้บริการเสริมจากที่ไหนมาก็ตาม ควรเก็บเบอร์ติดต่อติดรถไว้ให้ดี แปะไว้หน้ากระจกรถเลย แล้วก็บันทึกเบอร์ไว้ในโทรศัพท์ด้วย พร้อมทั้งศึกษาเงื่อนไขการให้บริการให้ดี ส่วนใหญ่จะมีเงื่อนไขกำกับไว้ว่าลาก ฟรี! หากระยะทางไม่เกินเท่านั้นเท่านี้ หากเกินจากระยะทางที่กำหนด คิดค่าบริการกิโลเมตรละเท่าไร รวมถึงเงื่อนไขอื่นๆ
นอกจากจะสะดวกในการติดต่อเพื่อใช้บริการแล้ว การที่ใช้บริการเสริมซึ่งเป็นของสินค้าและบริการต่างๆ ยังรู้สึกว่าน่าจะมีความปลอดภัยและอุ่นใจกว่าที่จะไปเรียกรถลากจากที่ไหนมาลากก็ไม่รู้
สำหรับลูกค้าที่ซื้อประกันผ่าน DirectAsia ประเทศไทย ไม่ต้องกังวลหากรถมีปัญหาระหว่างทาง เพราะเรามีบริการลากรถให้ด้วยนะครับ