ล้างแอร์รถยนต์ ถอดตู้ VS ไม่ถอดตู้ แบบไหนดี
ช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนๆ แล้วนะครับ กลางวันบางวันนี่ร้อนอบอ้าวมาก แดดงี้เปรี้ยงเลย ก่อนที่จะเข้าสู่หน้าร้อน และช่วงที่ร้อนที่สุดของเมืองไทยในเดือนเมษายน ช่วงนี้หากพอมีเวลาก็ตรวจเช็คระบบภายในแอร์รถยนต์ไว้ก่อนเลย
เรื่องการตรวจสอบระบบแอร์รถยนต์มีหลายอย่าง ครั้งนี้จะคุยถึงการล้างตู้แอร์ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แอร์ในรถไม่เย็น ลมไม่ออก เย็นไม่ฉ่ำ
ตู้แอร์ในรถยนต์ก็เหมือนกับตู้แอร์หรือแผงแอร์ในบ้านของเรา เมื่อใช้งานไปนานๆ เข้า ฝุ่งผงไปสะสมเป็นเวลานานก็เกาะตัวเป็นคราบและอุดตันการไหลของลมเย็นที่จะถูกพัดออกมาสู่ห้องโดยสาร เมื่อลมเย็นออกมาได้ไม่เต็มที่ ประกอบกับอากาศภายนอกที่ค่อนข้างร้อน คิดดูว่าการนั่งอยู่ในรถจะรู้สึกแย่ขนาดไหน
เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องประสบกับเหตุการณ์แบบนั้น ควรให้ความสำคัญกับระบบแอร์ให้มากๆ หน่อย อย่าเห็นว่าแอร์เย็นดีอยู่ แล้วไม่ใส่ใจ วันไหนไม่เย็นขึ้นมาล่ะก็ คุณเอ๋ย ผมเคยมาแล้ว ต้องขับรถเวลาแอร์เสีย ไม่ใช่เพราะไม่ใส่ใจนะ แต่ว่าระบบมันถึงเวลาที่จะเสียพอดี โอ้โห ร้อนสุดๆ เหงื่อแตกพลั่กๆ
ดังนั้นหากมีเวลาก็ควรนำรถไปล้างตู้แอร์บ้าง ให้คำนึงไว้เลยว่าเป็นการบำรุงรักษาหนึ่งที่สำคัญ การล้างตู้แอร์จะมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน หลายคนอาจจะเคยเห็นและสงสัยว่า ตกลงว่าจะล้างแบบไหนดี เพราะเวลาเข้าไปถามช่าง ช่างคนนนี้ก็บอกว่าถอดตู้ดีกว่า ช่างอีกคนก็บอกว่าไม่ต้องถอดตู้สิดีกว่า แล้วตกลงจะล้างแบบไหนดี ...ไม่ล้างเสียเลยแล้วกัน
การล้างแอร์ภายในรถยนต์แต่ละแบบต่างก็มีข้อดี ข้อเสีย ลองไปดูกันว่าแต่ละแบบมีข้อดีข้อเสียอย่างไรบ้าง แล้วคุณจะตัดสินใจได้ว่า รถของคุณควรจะล้างแบบไหน
ล้างแอร์รถยนต์แบบไม่ถอดตู้
ข้อดีของการล้างแอร์รถยนต์ไม่ถอดตู้
- ไม่ต้องรื้อคอนโซล
- ค่าใช้จ่ายถูกกว่า
- ใช้เวลาน้อยกว่า
ข้อเสียของการล้างแอร์รถยนต์ไม่ถอดตู้
- หากตู้แอร์ค่อนข้างสกปรก อาจล้างได้ไม่สะอาดเท่าที่ควร
ล้างแอร์รถยนต์แบบถอดตู้
ข้อดีของการล้างแอร์รถยนต์ถอดตู้
- ล้างได้สะอาดหมดจดจริงๆ ทุกซอกทุกมุม
- สามารถตรวจสอบสภาพของตู้แอร์ และประเมินอายุการใช้งานได้
ข้อเสียของการล้างแอร์รถยนต์ถอดตู้
- ต้องรื้อคอนโซล
- ใช้เวลานาน
- ค่าใช้จ่ายสูงกว่า
สรุปแล้วควรล้างแอร์รถยนต์แบบไหนดี
เห็นแบบนี้แล้วพอจะประเมินได้ไหมครับว่า ควรจะล้างแบบไหนดี
ควรจะล้างแบบไหน ขึ้นอยู่กับการดูแลระบบแอร์รถยนต์ที่ผ่านมาของคุณด้วย หากเป็นรถใหม่ มีอายุการใช้งานไม่กี่ปี หรือเป็นรถเก่า มีอายุการใช้งานหลายปีแล้ว แต่ดูแลระบบแอร์เป็นประจำ การล้างตู้แอร์แบบไม่ต้องถอดตู้ก็เป็นทางเลือกที่ดี และสามารถทำความสะอาดได้อย่างเพียงพอ
ถ้าคุณดูแลหรือล้างตู้แอร์เป็นประจำ คราบฝุ่นผงที่สะสมจะมีไม่มากนัก การทำความสะอาดแบบไม่ถอดตู้แอร์นั้นสามารถที่จะขจัดคราบเหล่านั้นได้หมดจด แต่ถ้ารถคุณมีอายุหลายปี และไม่ค่อยได้ดูแลระบบแอร์สักเท่าไร เรียกว่าไม่เคยล้างเลย พอรู้สึกว่าแอร์ไม่เย็นเลยคิดจะล้างตู้แอร์ขึ้นมา
กรณีนี้การล้างแบบถอดตู้น่าจะดีกว่า ผมเคยเห็นหลายครั้งตู้แอร์ที่ไม่เคยล้างเลยเป็นเวลาหลายปี เวลาถอดออกมา คราบฝุ่นผงและสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ในตู้แอร์มันเยอะและหนักหนามากจริงๆ การถอดตู้แอร์มาล้างเป็นทางเลือกที่ดีกว่าแน่นอน ในความเห็นของผม และจากการพูดคุยกับช่างแอร์หลายๆ คน เพราะหากตู้แอร์สกปรกขนาดนั้น การถอดตู้มาล้างข้างนอก จะทำให้สามารถฉีดน้ำทำความสะอาดได้ทุกซอกทุกมุม และเห็นว่าสะอาดจริงๆ
ถ้าคุณค่อนข้างเอนเอียง สนใจวิธีการล้างแบบไม่ถอดตู้แอร์ เพราะไม่ชอบหรือไม่อยากให้ช่างมายุ่งกับคอนโซล ไม่อยากให้ช่างมารื้อมาถอดชิ้นส่วนในรถ กลัวว่ารถจะเป็นรอย หรือเกิดความเสียหาย คุณก็ล้างตู้แอร์เป็นประจำ ไม่ปล่อยไว้นานเกินไป จนคราบสกปรกสะสมจนแอร์ตันแล้วถึงค่อยล้างแอร์รถยนต์ หวังว่าบทความนี้นอกจะช่วยให้รถคุณเย็นขึ้นในหน้าร้อนที่กำลังจะมาถึงนี้แล้ว ยังช่วยให้อากาศภายในรถยนต์ของคุณสะอาดขึ้นด้วยนะครับ และมีอีก เรื่องหนึ่งที่ทำให้การขับรถร้อนขึ้นมาได้ แม้ว่าแอร์จะเย็นดี ก็คือ การที่มีอุบัติเหตุแล้วประกันรถขาด ดังนั้นควรตรวจสอบประกันของรถขาดหรือเปล่า หากสนใจทำประกันภัยรถยนต์ซื้อผ่าน DirectAsia ประเทศไทย ได้นะครับ