รถยนต์ ดีเซล กับ เบนซิน ต่างกันอย่างไร ซื้อแบบไหนดีกว่ากัน ?
ได้ยินกันจนคุ้นชินว่า รถยนต์ มีเครื่องยนต์ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ ดีเซล และ เบนซิน แต่เคยรู้หรือไม่ว่าเครื่องยนต์แต่ละแบบต่างกันอย่างไร มีข้อดีและข้อเสียตรงไหนบ้าง แล้วรถแบบไหนที่เป็นมิตรกับเงินในกระเป๋า ช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่า วันนี้ ‘ไดเร็ค เอเชีย (DirectAsia)’ ขออาสามาเป็นตัวแทนบอกเล่าเรื่องสำคัญข้อนี้กัน ไม่ได้มีแค่เรื่อง ประกันรถยนต์ ที่ไว้ใจได้ แต่เรายังมาพร้อมสาระความรู้ดี ๆ เพื่อคนมีรถเช่นคุณอีกด้วย
ความแตกต่างระหว่าง รถยนต์ ดีเซล กับ เบนซิน
เบนซินและดีเซล เป็นชื่อของชนิดเชื้อเพลิงที่นิยมใช้มากที่สุด แต่ละชนิดจะมีจุดเด่นที่ต่างกัน ซึ่งความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ขับขี่ตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่า ตนเหมาะกับเครื่องยนต์ประเภทใดมากกว่า
เครื่องยนต์ดีเซล คือ เครื่องยนต์ที่ใช้ น้ำมันดีเซล เป็นเชื้อเพลิง มีความหนาแน่นของพลังงานสูงกว่าน้ำมันเบนซิน เนื่องจากผ่านกระบวนการกลั่นน้อยกว่า
เครื่องยนต์เบนซิน หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อคือ เครื่องยนต์แก๊สโซลีน เป็นเครื่องยนต์ที่ใช้ น้ำมันเบนซิน, เอทานอล หรือแก๊สโซฮอล์ เป็นเชื้อเพลิงที่มีความเบากว่าดีเซล
- รูปแบบการเผาไหม้ หรือ การทำงานของเครื่องยนต์
ดีเซล : เครื่องยนต์ดีเซลจะทำงานด้วยการจุดระเบิด ผ่านการอัดอากาศให้มีอุณหภูมิและความดันสูงเพียงพอที่จะจุดชนวนได้ โดยไม่ต้องใช้หัวเทียน
เบนซิน : เครื่องยนต์เบนซินจุดระเบิดด้วยการใช้หัวเทียนในการสร้างประกายไฟ เพื่อจุดชนวนส่วนผสมของน้ำมันเบนซินและอากาศในกระบอกสูบ
- ประสิทธิภาพและการใช้งานเชื้อเพลิง
ดีเซล : เครื่องยนต์ดีเซลเหมาะกับการใช้งานหนัก เช่น บรรทุก ลาก จูง การเดินทางระยะไกล เนื่องจากมีประสิทธิภาพเชิงความร้อนที่สูง และประหยัดพลังงานมากกว่า
เบนซิน : เครื่องยนต์เบนซินเหมาะกับการใช้งานที่เบาและต้องการการตอบสนองที่รวดเร็ว เช่น การใช้รถยนต์ส่วนบุคคล รถจักรยานยนต์ เครื่องยนต์ขนาดเล็ก เป็นต้น
- เสียงและการสั่นสะเทือน
ดีเซล : เนื่องจากเครื่องยนต์ดีเซลมีการจุดระเบิดโดยไม่ใช่หัวเทียน ทำให้เครื่องยนต์ทำงานเสียงดัง มีแรงสั่นสะเทือนสูง
เบนซิน : มีการทำงานเงียบ นุ่มนวล และมีแรงสั่นสะเทือนน้อยกว่าเครื่องยนต์ดีเซล
- ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ดีเซล : การผลิตน้ำมันดีเซลมีแนวโน้มส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มลพิษทางอากาศ และระบบหายใจของมนุษย์ โดยเฉพาะไนโตรเจนออกไซด์ (NOx)
เบนซิน : สำหรับการผลิตน้ำมันเบนซิน มีแนวโน้มผลิต NOx น้อยกว่า แต่อาจมีการปล่อยก๊าซอื่นที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ และชั้นโอโซนโลก ได้แก่ คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่าย (VOCs) ตามลำดับ
- ข้อดีของเครื่องยนต์แต่ละประเภท
ดีเซล : มีความทนทาน ประหยัดพลังงาน สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในปริมาณที่น้อยกว่า และรองรับการทำงานที่ต้องใช้แรงบิดสูงได้
เบนซิน : มีกำลังแรงม้าสูง ทำงานเงียบกว่า เครื่องยนต์มีน้ำหนักเบากว่า
- ข้อเสียของเครื่องยนต์แต่ละประเภท
ดีเซล : ตัวเครื่องมีน้ำหนักมาก ทำงานเสียงดังกว่า มีอัตราค่าใช้จ่ายในการซ่อมและบำรุงสูง รวมถึงมีแนวโน้มปล่อยมลพิษทางอากาศสูงกว่า
เบนซิน : ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานหนัก ความทนทานน้อยกว่า และสิ้นเปลืองพลังงานน้ำมันมากกว่า
เครื่องยนต์ประเภทไหนประหยัดน้ำมันกว่า?
สรุปได้ว่า เครื่องยนต์ดีเซล ประหยัดเชื้อเพลิงมากกว่าเบนซิน เพราะมีความสามารถในการเผาไหม้มากกว่า
ซื้อรถยนต์เบนซินหรือดีเซล แบบไหนดีกว่ากัน?
สำหรับคำถามนี้ขอตอบเลยว่า ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานของแต่ละคน หากคุณเป็นคนที่ชอบเครื่องแรง เร็ว ไม่จำเป็นต้องใช้งานหนัก ก็อาจจะเลือกใช้เบนซิน แต่หากคุณเน้นการใช้งานระดับปกติไปจนถึงหนัก ต้องเดินทางไกลหรือบรรทุกของหนักเป็นประจำ และอยากลดค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำมันก็ควรเลือกดีเซล
ทราบความแตกต่างของเครื่องยนต์ เบนซิน และ ดีเซล ไปเรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าคุณจะมีไลฟ์สไตล์การขับขี่เป็นอย่างไร คุณก็สามารถเลือกใช้ได้ตามความชอบ นอกจากนี้คุณยังสามารถเลือกปรับเปลี่ยนความคุ้มครองได้ตามสไตล์การขับขี่ของคุณ ไม่ว่าจะเป็น ประกันชั้น 1, ประกันรถยนต์ชั้น 1 เซฟ, ประกันรถยนต์ 2+, ประกันรถยนต์ 3+, ประกันชั้น 2, และ ประกันชั้น 3 แถม ผ่อนสบาย ๆ 0% นาน 10 เดือน ไม่มีบัตรก็ผ่อนได้ ซื้อวันนี้ฟรี บัตรเติมน้ำมันมูลค่าสูงสุด 1,000 บาท ด่วนจำนวนจำกัด!
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด
สอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้าน ประกันรถยนต์ โทรฯ 02 767 7777 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมพร้อม เช็คเบี้ยประกันรถยนต์ ทั้ง ประกันชั้น 1, ประกันรถยนต์ชั้น 1 เซฟ, ประกันรถยนต์ 2+, ประกันรถยนต์ 3+, ประกันชั้น 2, และ ประกันชั้น 3 คลิก https://www.directasia.co.th/