What can we help you with?

โดนชนแล้วหนียอมความได้ไหม เรียกร้องอะไรได้บ้าง

รับมืออย่างไร เมื่อโดนชนแล้วหนี

โดนชนแล้วหนีทำอย่างไรดี ประกันเคลมไหม ต้องเดินเรื่องอย่างไร และโดนชนแล้วหนีเรียกร้องอะไรได้บ้าง? ต้องบอกว่าการโดนชนแล้วหนีเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง เพราะจะต้องเกิดความเสียหายทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และทรัพย์สินโดยเฉพาะรถยนต์ ซึ่งแม้ว่าเราจะระมัดระวังดีแค่ไหนก็ตาม ก็สามารถเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ขึ้นได้อย่างไม่ทันคาดคิด

แต่การโดนชนแล้วหนีนั้น ย่อมมาพร้อมกับปัญหาที่น่าปวดหัว อย่างการที่ไม่สามารถตามหาคู่กรณีได้ แล้วอย่างนี้ประกันรถยนต์จะรับคุ้มครองหรือไม่ วันนี้เราจึงจะมาให้ข้อมูล รวมถึงวิธีรับมือเมื่อเกิดเหตุการณ์โดนชนแล้วหนีที่คุณควรรู้

เหตุการณ์แบบไหน ที่เรียกว่า “ชนแล้วหนี”

เหตุการณ์ชนแล้วหนี คืออุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ผู้กระทำผิดได้หลบหนีออกจากจุดเกิดเหตุ ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งกรณีของการชนรถยนต์กันเอง และในกรณีที่ชนผู้เสียหายโดยตรง

นอกจากการชนแล้วหนีบนท้องถนนแล้ว คำว่าชนแล้วหนียังนับรวมไปถึงการชนขณะที่รถยนต์จอดอยู่เฉยๆ แล้วไม่สามารถระบุตัวผู้กระทำความผิดได้ เนื่องจากมีการหลบหนี

ชนแล้วหนี คืออุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ผู้กระทำผิดได้หลบหนีออกจากจุดเกิดเหตุ

รับมืออย่างไรเมื่อโดนชนแล้วหนี

โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น ทั้งผู้ก่อเหตุและผู้ที่ได้รับความเสียหายจะต้องหยุดขับขี่ทันที และประเมินสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยสามารถทำตามขั้นตอนเหล่านี้

1. ตั้งสติ อย่าตื่นตกใจ และรีบเก็บหลักฐานให้ได้มากที่สุด

ในกรณีที่คู่กรณียังไม่หลบหนีไปในทันที ให้ผู้เสียหายรีบตั้งสติ ถ่ายรูปหรือพยายามจดจำเลขทะเบียนรถ ยี่ห้อ รุ่น และสีของรถยนต์ผู้ก่อเหตุ เพื่อใช้ในการเก็บหลักฐานเอาไว้

ส่วนในกรณีที่คู่กรณีทำการหลบหนีไปแล้ว เก็บข้อมูลจากกล้องหน้ารถเพื่อเป็นหลักฐานในการระบุตัวคู่กรณี และอย่าลืมที่จะเก็บร่องรอยความเสียหายของรถของเราให้ได้รอบคัน ซึ่งถ้าหากรถของเราไม่มีกล้องหน้ารถ ก็แนะนำให้ทำเรื่องขอหลักฐานจากกล้องวงจรปิดรอบพื้นที่เกิดเหตุได้ด้วยเช่นกัน

2. โทรแจ้งบริษัทประกันเพื่อรับความคุ้มครองทันที

ต่อมาให้รีบโทรแจ้งไปยังบริษัทประกันภัย ตัวแทนประกันภัย หรือ Call Center เพื่อออกใบเคลม หากเราจำทะเบียนรถของผู้ก่อเหตุได้ บริษัทประกันภัยก็จะตามหาคู่กรณีให้ แต่ถ้าในกรณีที่เราไม่สามารถจำทะเบียนรถของคู่กรณีได้ ก็แนะนำให้ตรวจสอบจากการดูกล้องหน้ารถและการประสานงานกับหน่วยงานที่ดูแลกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ เพื่อนำหลักฐานไปแจ้งความกับตำรวจและยืนยันกับบริษัทประกันภัย

3. เข้าไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ

หลังจากประสานงานกับบริษัทประกันภัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ให้เข้าสู่กระบวนการในการติดตามผู้กระทำผิด โดยการเข้าไปแจ้งความที่สถานีตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันหลังจากเกิดเหตุให้เร็วที่สุด เพื่อให้เข้าถึงหลักฐานในท้องที่นั้น และนำใบแจ้งความมาใช้ในการเคลมประกันรถยนต์ต่อไปได้

4. รับใบเคลมจากเจ้าหน้าที่ประกัน

หลังจากที่แจ้งความที่สถานีตำรวจและลงบันทึกประจำวันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้เสียหายสามารถนำใบแจ้งความไปเป็นหลักฐานประกอบการขอเคลมประกันรถยนต์ได้ เพื่อรับใบเคลมและนำรถยนต์ไปซ่อมแซมในอู่และศูนย์ต่อไป ซึ่งทางบริษัทประกันก็จะทำหน้าที่ในการติดตามผู้กระทำผิดมารับผิดชอบค่าเสียหาย

ไดเร็ค เอเชีย โปรโมชัน

โดนชนแล้วหนีเรียกร้องอะไรได้บ้าง ยอมความได้ไหม?

สิ่งที่ผู้เสียหายในการโดนชนแล้วหนีกังวลกันมากที่สุดก็คือความคุ้มครองในกรณีนี้ ว่าจะสามารถเรียกร้องอะไรได้บ้าง และชนแล้วหนียอมความได้ไหม ต้องยอมความหรือไม่ ซึ่งความคุ้มครองนั้นก็จะแตกต่างกันภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้

1. กรณีมีประกัน

จะสามารถได้รับความคุ้มครองได้ โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของประกันภัยรถยนต์แบบที่คุณทำ เช่น

  • ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1

จะได้รับความคุ้มครองในทุกกรณี ไม่ว่าอุบัติเหตุนั้นจะมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณีก็ตาม และสามารถนำรถยนต์เข้าไปเคลมประกันได้ทันที แต่ทั้งนี้บริษัทประกันบางแห่งอาจมีนโยบายในการเรียกเก็บค่าเสียหายส่วนแรกในกรณีที่เราไม่สามารถระบุคู่กรณีได้เช่นกัน

  • ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+

จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่มีคู่กรณีเท่านั้น ซึ่งครอบคลุมไปถึงเหตุการณ์ชนแล้วหนี หากจำทะเบียนรถได้หรือมีกล้องหน้ารถบันทึกภาพเหตุการณ์ ก็สามารถนำเอาหลักฐานนั้นไปเคลมประกันกับทางบริษัทได้ทันที แต่ถ้าหากไม่สามารถจำรายละเอียดและไม่มีหลักฐานของคู่กรณีก็จะไม่สามารถส่งเคลมประกันรถได้

  • ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+

จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่มีคู่กรณีเช่นเดียวกับชั้น 2+ แต่สำหรับรักกันภัยรถยนต์ชั้น 3+ จะให้ความคุ้มครองในกรณีที่เป็นรถชนรถเท่านั้น และต้องมีหลักฐานหรือรายละเอียดในการระบุตัวตนคู่กรณี แต่ถ้าหากไม่มีก็สามารถขอหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุเพื่อลงบันทึกประจำวัน เป็นหลักฐานในการยื่นเคลมกับบริษัทประกันรถได้เช่นเดียวกัน

  • ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 หรือชั้น 3

จะไม่ได้รับการคุ้มครองในกรณีที่ถูกชนแล้วหนี เพราะประกันภัยรถยนต์ประเภทนี้จะให้ความคุ้มครองเฉพาะค่าเสียหายของรถคู่กรณีเท่านั้น ซึ่งหากมีความเสียหายเกิดขึ้นกับรถของผู้ถือประกันก็จะต้องรับผิดชอบเองทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม เอกสารกรมธรรม์ของประกันภัยรถยนต์ในแต่ละแบบจะมีเงื่อนไขในการคุ้มครองที่แตกต่างกันกำหนดไว้อยู่ ซึ่งแนะนำว่าให้ปรึกษากับเจ้าหน้าที่ของบริษัทประกันภัยเพื่อรับทราบความคุ้มครองและขอบเขตในการเคลม ก่อนที่จะเกิดการพิจารณาเกิดขึ้นด้วย

นอกจากความคุ้มครองตามประกันแล้ว ผู้เสียหายยังสามารถเรียกร้องค่าความเสียหายต่อตัวรถยนต์ ค่าชดเชยความเสียหายต่อทรัพย์สิน ค่าเสื่อมราคารถยนต์ รวมถึงค่าเสียหาย ค่าเสียเวลา ค่าขาดประโยชน์อื่นๆ ได้ กับทางประกันรถยนต์ของคู่กรณี หรือ พ.ร.บ. รถยนต์และรถจักรยานยนต์ และในกรณีที่คู่กรณีไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหาย ผู้เสียหายก็ยังสามารถฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าเสียหายได้อีกเช่นกัน

2. กรณีไม่มีประกัน

ถึงแม้จะไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกันรถยนต์ แต่ถ้าหาก พ.ร.บ. รถยนต์ยังไม่หมดอายุความคุ้มครอง เจ้าของรถก็สามารถเรียกร้องค่าชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งกับตัวรถ ทรัพย์สิน จากผู้กระทำความผิดได้โดยตรง

และนอกจากนี้ยังสามารถเรียกค่าสินไหมจาก พ.ร.บ. รถยนต์ได้ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 ที่ระบุไว้ว่า กรณีที่ประสบภัยจากรถยนต์ที่ไม่ทำประกันภัย หรือถูกชนแล้วหนี ผู้ประสบภัยจะได้รับความคุ้มครองค่าเสียหายเบื้องต้นจากกองทุนทดแทนผู้ประสบภัย ทั้งนี้ ให้ผู้เสียหายติดต่อกับสำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยได้โดยตรง

ซึ่งในปัจจุบันนี้ สำนักงานกองทุนทดแทนผู้ประสบภัยมีทั้งสิ้น 71 แห่งทั่วประเทศใน สํานักงานคณะกรรมการกํากับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย เพื่อดําเนินการเกี่ยวกับกองทุน โดยสามารถติดต่อได้ที่ สายด่วนประกันภัย 1186

แต่อย่างไรก็ตาม ค่าสินไหมที่ได้รับจะเป็นเพียงความคุ้มครองเบื้องต้นเท่านั้น ผู้ขับขี่รถยนต์จึงควรที่จะทำประกันรถยนต์ไว้เพื่อให้สามารถครอบคลุมความเสียหายได้ครบทุกด้าน และช่วยให้เราอุ่นใจได้อีกระดับนั่นเอง

ประกันภัยรถยนต์เป็นอีกวิธีการรับมือก่อนโดนชนแล้วหนี

สิ่งที่ต้องทำเพื่อรับมือก่อนโดนชนแล้วหนี

แน่นอนว่าการถูกชนแล้วหนีเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากเกิดขึ้น แต่สำหรับผู้ที่มีการเตรียมตัวรับมือได้อย่างทันท่วงทีก็จะสามารถช่วยบรรเทาความกังวลและความเสียหายให้เป็นเรื่องที่ไม่ยากเกินไปได้ โดยหลักๆ แล้วสามารถเตรียมพร้อมรับมือได้จาก 2 สิ่งนี้ คือ

1. อย่าฝากความหวังไว้กับกล้องวงจรปิด

ให้ติดกล้องหน้ารถ เพื่อเก็บภาพหลักฐานในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น

2. ซื้อประกันภัยรถยนต์

เพื่อช่วยลดความเสี่ยงของค่าเสียหาย และแบ่งเบาภาระของค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้นหลังโดนชนแล้วหนี นอกจากนี้การมีประกันภัยรถยนต์ จะช่วยในเรื่องของการติดตามผู้กระทำความผิดได้อีกด้วย เพราะบริษัทประกันภัยจะมีหน้าที่ในการติดตามผู้กระทำผิดหลังจากที่เราแจ้งเรื่องเพื่อขอใบเคลม

แม้ว่าเหตุการณ์ของการถูกชนแล้วหนีจะเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้บ่อยๆ แต่ก็เป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน การเตรียมพร้อมรับมือก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์นั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะในเรื่องของการเตรียมพร้อมในการเก็บหลักฐานอย่างการติดกล้องหน้ารถและกล้องวงจรปิดในท้องที่ก็เป็นสิ่งที่สำคัญ ที่จะช่วยให้ผู้เสียหายสามารถยื่นเรื่องขอเคลมกับประกันรถยนต์และทำเรื่องติดตามผู้กระทำผิดได้อย่างราบรื่น 

นอกจากนี้การทำประกันชั้น 1 กับบริษัทประกันภัยที่สามารถติดต่อได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งมี Call Center ตลอด 24 ชั่วโมงก็จะช่วยให้เราสามารถเคลมค่าเสียหายและส่งซ่อมรถได้ในทุกกรณี แบบหายห่วงเลยทีเดียว

ไดเร็ค เอเชีย โปรโมชัน

สำหรับใครที่สนใจการทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่สามารถใช้เคลมได้ในทุกกรณี ไม่ว่าจะมีคู่กรณีหรือไม่มีคู่กรณีก็ตาม อีกทั้งยังสามารถติดต่อเคลมง่าย ไดเร็ค เอเชีย มี ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่มีความครอบคลุมทั้งความเสียหายต่อรถยนต์ กรณีเกิดการชนกับพาหนะทางบก, ชนแบบไม่มีคู่กรณี ความเสียหายต่อรถยนต์ เนื่องจากอุบัติเหตุอื่นๆ, ความรับผิดต่อบุคคลภายนอก - ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย และอนามัย ความเสียหายต่อทรัพย์สิน, ค่ารักษาพยาบาลสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร, ประกันตัวผู้ขับขี่ เป็นต้น

นอกจากนี้ ไดเร็ค เอเชีย ยังรับประกันคุณภาพของการให้บริการด้วยอู่คุณภาพในเครือมากกว่า 1,000 แห่ง มีบริการรถยก 24 ชั่วโมง และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม. การันตีมาไว 30 นาที แถมประกันทุกชนิดสามารถผ่อนสบาย ๆ 0% นาน 10 เดือน ไม่มีบัตรก็ผ่อนได้อีกด้วย

สอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านประกันรถยนต์ โทรฯ 02 767 7777 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมคลิก https://www.directasia.co.th/

*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด