อุบัติเหตุทางรถยนต์ เป็นเหตุการณ์ที่เจ้าของรถยนต์ทุกคนต่างก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น แต่เมื่อมีอุบัติเหตุทางรถยนต์เกิดขึ้น การรับมืออย่างทันท่วงทีก็จะช่วยบรรเทาความเสียหายลงได้ ซึ่งตัวช่วยในการรับมืออุบัติเหตุและความเสียหายของรถยนต์ที่ทุกคนควรมีก็คือ “ประกันรถยนต์” นั่นเอง
ซึ่งวิธีเคลมประกันรถยนต์ ก็เป็นสิ่งที่เจ้าของรถทุกคนควรรู้ แม้ว่าจะไม่มีประสบการณ์มาก่อนก็ตาม เพื่อให้การเคลมประกันรถยนต์นั้นมีความง่ายและรวดเร็วมากขึ้น วันนี้ Direct Asia จึงกลับมาแนะนำวิธีเคลมประกันรถยนต์สำหรับมือใหม่ให้ง่าย และไร้ปัญหาแบบ 100%
รู้จักการเคลมประกันรถยนต์
การเคลมประกันรถยนต์ คือ การนำรถที่เสียหายหรือมีปัญหาจากอุบัติเหตุและภัยต่างๆ มาเข้าซ่อมในศูนย์บริการของรถยี่ห้อนั้นหรืออู่ที่อยู่ในเครือข่ายของบริษัทประกัน เพื่อทำการซ่อมตามความคุ้มครองของประกันรถยนต์ชนิดนั้นๆ ซึ่งความคุ้มครองและเงื่อนไขของประกันรถยนต์ก็จะอยู่ในเอกสารกรมธรรม์ของประกันฉบับนั้นด้วย ซึ่งการเคลมประกันรถยนต์ก็จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ เคลมสดและเคลมแห้ง โดยจะพูดถึงในบทความนี้ต่อไป
นอกจากนี้ การส่งเคลมประกันรถยนต์ ก็ยังแบ่งออกได้เป็น แบบส่งเคลมอู่ และส่งเคลมศูนย์ ซึ่งมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนด้วย โดย
- การเคลมอู่ จะเป็นการส่งซ่อมในอู่ทั้งในเครือและนอกเครือของบริษัทประกัน โดยถ้าหากเคลมในเครือของประกัน เจ้าของรถจะไม่ต้องสำรองจ่ายเงินใดๆ
- การเคลมศูนย์ เป็นการส่งซ่อมในศูนย์ของรถยนต์ยี่ห้อนั้นโดยตรง และไม่ต้องสำรองจ่ายเงินเช่นเดียวกัน แต่เจ้าของรถจะมั่นใจได้ว่ามีอะไหล่ของแท้และมีมาตรฐานของงานซ่อมที่ดีนั่นเอง
ควรเตรียมอะไรบ้างก่อนแจ้งเคลมประกันรถยนต์?
ทันทีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นนั้น แน่นอนว่าเจ้าของรถทุกคนต่างก็ต้องตกใจและตื่นเต้นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สิ่งแรกที่ควรมีก็คือสติ และควรเตรียมข้อมูล รวมทั้งเอกสารดังต่อไปนี้ให้ได้อย่างครบถ้วน เพื่อให้สามารถแจ้งเคลมได้ตามขั้นตอน
- ข้อมูลอุบัติเหตุ ควรจดบันทึกไว้ว่าอุบัติเหตุนี้เกิดขึ้นที่ไหน เวลาเมื่อไหร่ มีความเสียหายอะไรเกิดขึ้นกับรถยนต์บ้าง มีคู่กรณีหรือไม่ และมีผู้บาดเจ็บหรือไม่
- ข้อมูลของคู่กรณี คู่กรณีเป็นใคร ทะเบียนรถ ยี่ห้อ สี หมายเลขโทรศัพท์คืออะไร พยานคือใคร ผู้โดยสารในรถของคู่กรณีมีกี่คน และบุคคลภายนอกอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
- รายละเอียดกรมธรรม์ของเรา ข้อมูลส่วนตัว เลขที่กรมธรรม์ และเลขที่ใบบันทึกประจำวัน (ถ้ามี) ควรเตรียมให้พร้อมเพื่อให้ง่ายต่อการเคลมมากยิ่งขึ้น
การเคลมประกันรถยนต์มีกี่ประเภท?
การเคลมประกันรถยนต์สามารถแบ่งออกได้ตามลักษณะของการเกิดอุบัติเหตุและภัย รวมถึงระยะเวลาในการแจ้งเคลม เป็น 3 ประเภท คือ
เคลมประกันรถยนต์แบบสด (Fresh Claim)
เป็นการเคลมหลังจากเกิดอุบัติเหตุทันที โดยมีคู่กรณีอยู่ที่จุดเกิดเหตุด้วยหรือไม่ก็ได้ โดยเป็นการโทรติดต่อกับเจ้าหน้าที่ประกันให้เดินทางมายังจุดเกิดเหตุ ในการส่งซ่อมกับอู่ โดยใบเคลมจะมีอายุ 1 ปี
- แบบมีคู่กรณี จะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการเฉี่ยว ชน กับรถของคู่กรณีทั่วไป
- แบบไม่มีคู่กรณี เป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับการขับขี่ของเจ้าของรถเอง การถูกชนเราไม่มีคู่กรณี หรือแม้แต่จะปัจจัยภายนอกต่างๆ
วิธีเคลมประกันรถยนต์ แบบสด
- ตั้งสติและถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน รวมทั้งจดทะเบียนรถคู่กรณีเอาไว้ (ในกรณีที่มี)
- หากมีผู้บาดเจ็บ ให้เรียกรถพยาบาลเพื่อช่วยเหลือให้เร็วที่สุด
- โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ประกัน เพื่อติดต่อประสานงานให้เจ้าหน้าที่มายังจุดเกิดเหตุ พร้อมแจ้งข้อมูลอุบัติเหตุ ข้อมูลคู่กรณี รวมถึงรายละเอียดกรมธรรม์ให้ชัดเจน
- เมื่อเจ้าหน้าที่ประกันมาถึง จะมีการตรวจสอบความเสียหายของรถอย่างละเอียด เพื่อประเมินความเสียหาย รวมทั้งออกใบเคลมให้กับผู้เอาประกันนำไปยื่นเคลมประกันได้
เอกสารที่ใช้ในการเคลม
- บัตรประจำตัวประชาชน
- ใบขับขี่ หรือสำเนาใบขับขี่
- เล่มทะเบียนรถยนต์ หรือสำเนา
- สำเนากรมธรรม์ประกันภัย
- ใบรับรองความเสียหายหรือใบเคลม
เคลมประกันรถยนต์แบบแห้ง (Dry Claim)
เป็นการเคลมหลังจากเกิดอุบัติเหตุไปแล้วในระยะเวลาหนึ่ง โดยส่วนมากจะมีทั้งคู่กรณี และไม่มีคู่กรณีก็ได้ รวมถึงไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ทำให้ไม่ต้องเรียกเจ้าหน้าที่ในสถานที่เกิดเหตุทันที
วิธีเคลมประกันรถยนต์ แบบแห้ง
- ตรวจสอบความเสียหายของรถ และข้อมูลการเกิดเหตุให้ครบถ้วน
- โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ประกัน เพื่อแจ้งเกี่ยวกับความเสียหาย วันเวลา สถานที่เกิดเหตุ รวมถึงลักษณะของการเกิดอุบัติเหตุให้กับเจ้าหน้าที่
- แจ้งข้อมูลของกรมธรรม์ให้ชัดเจน
- ระบุวันที่จะนำรถเข้าไปเคลมที่อู่หรือศูนย์
- นำรถเข้าไปซ่อมที่อู่หรือศูนย์ซ่อมของบริษัทประกันภัยได้ทันที ตามวันเวลาที่ระบุกับเจ้าหน้าที่ประกัน
เอกสารที่ใช้ในการเคลม จะใช้เอกสารเช่นเดียวกับการเคลมสด
- บัตรประจำตัวประชาชน
- ใบขับขี่ หรือสำเนาใบขับขี่
- เล่มทะเบียนรถยนต์ หรือสำเนา
- สำเนากรมธรรม์ประกันภัย
- ใบรับรองความเสียหายหรือใบเคลม
เคลมประกันรถยนต์แบบความเสียหายมาก
ในกรณีที่รถพังเสียหายทั้งคัน หรือเกิดความเสียหายโดยสิ้นเชิง จนอาจไม่สามารถซ่อมได้ ทางประกันจะให้ความคุ้มครองโดยประเมินค่าความเสียหาย หากความเสียหายสูงกว่า 70% ของทุนประกัน จะถือว่าเป็นความเสียหายโดยสิ้นเชิง และหากลดได้รับความเสียหายน้อยกว่า 70% จะสามารถเข้าสู่กระบวนการซ่อมได้
- รถเสียหายโดยสิ้นเชิง ไม่สามารถซ่อมได้ หรือมีความเสียหายมากกว่า 70% สามารถเลือกเป็นวิธีโอนซากรถ เพื่อพิจารณาจ่ายคืนทุนประกันได้ ณ ขณะที่ทำไม่น้อยกว่า 80% ของราคาตลาดและสิ้นสุดความคุ้มครองทันที เช่น ทุนประกัน 1 ล้านบาท บริษัทจ่ายคืนให้ 800,000 บาท
ส่วนวิธีที่ 2 คือการเลือกไม่โอนซากรถ แต่พิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้ 65-70% ของทุนประกัน ณ ขณะที่ทำไม่น้อยกว่า 80% ของราคาตลาด เช่น ทุนประกัน 1 ล้านบาท วงเงิน 800,000 บาท พิจารณาจ่ายค่าสินไหมทดแทนประมาณ 520,000 ถึง 560,000 บาท - รถเสียหายน้อยกว่า 70% และมีการประเมินว่าสามารถซ่อมให้กลับมามีสภาพเดิมได้ บริษัทประกันจะเสนอทางเลือกว่าให้เลือกซ่อมรถกับอู่ซ่อมหรือศูนย์ เพื่อให้กลับมามีสภาพที่ใกล้เคียงกับเดิม หรือเปลี่ยนเป็นรถยนต์มือสองที่มีสภาพเดียวกับก่อนเกิดเหตุ หรือชดเชยเป็นเงินสดแทน ขึ้นอยู่กับลักษณะของกรมธรรม์
วิธีเคลมประกันรถยนต์ แบบความเสียหายมาก จะคล้ายกับทั้งการเคลมสดทั่วไป
- ตรวจสอบความเสียหายของรถ และข้อมูลการเกิดเหตุให้ครบถ้วน รวมทั้งจดทะเบียนรถคู่กรณีเอาไว้ (ในกรณีที่มี)
- หากมีผู้บาดเจ็บ ให้เรียกรถพยาบาลเพื่อช่วยเหลือให้เร็วที่สุด
- โทรแจ้งเจ้าหน้าที่ประกัน เพื่อติดต่อประสานงานให้เจ้าหน้าที่มายังจุดเกิดเหตุ พร้อมแจ้งข้อมูลอุบัติเหตุ ข้อมูลคู่กรณี รวมถึงรายละเอียดกรมธรรม์ให้ชัดเจน
- เมื่อเจ้าหน้าที่ประกันมาถึง จะมีการตรวจสอบความเสียหายของรถอย่างละเอียด เพื่อประเมินความเสียหาย รวมทั้งออกใบเคลมให้กับผู้เอาประกันนำไปยื่นเคลมประกันได้
เอกสารที่ใช้ในการเคลม
- บัตรประจำตัวประชาชน
- ใบขับขี่ หรือสำเนาใบขับขี่
- เล่มทะเบียนรถยนต์ หรือสำเนา
- สำเนากรมธรรม์ประกันภัย
- ใบรับรองความเสียหายหรือใบเคลม
เงินเคลมประกันกี่วันได้?
หลังจากส่งเคลมแล้ว จะได้เงินเคลมภายในกี่วัน? โดยปกติแล้วหลังจากการส่งเอกสารการเคลมประกันรถอย่างถูกต้องและครบถ้วน บริษัทฯ จะใช้ระยะเวลาที่จะจ่ายเงินค่าสินไหมทดแทน คือ สำหรับประกันภัยภาคสมัครใจ ภายใน 15 วัน สำหรับประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ) ภายใน 7 วัน โดยหลังจากเจรจายุติ และเอกสารครบถ้วนสมบูรณ์
กรณีแบบไหนที่ประกันรถไม่รับเคลม?
แม้ว่าการทำประกันรถจะมีการคุ้มครองการเกิดอุบัติเหตุอย่างครอบคลุม แต่ก็ยังมีหลายกรณีที่เป็นข้อยกเว้นที่บริษัทประกันภัยรถยนต์มักจะไม่คุ้มครอง อย่างเช่น
- การนำรถไปใช้ทำสิ่งผิดกฎหมาย เช่น ขนยาเสพติด ขนอาวุธเถื่อน ขับหนีการไล่ล่าของตำรวจจนเกิดอุบัติเหตุ
- การนำรถยนต์ไปแข่งขันความเร็ว ทั้งในสนามที่ถูกกฎหมาย หรือไม่ถูกกฎหมาย
- การขับรถออกนอกเขตอาณาเขตคุ้มครอง เช่นการขับขี่รถออกนอกเขตประเทศไทย
- เมาแล้วขับ มีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดเกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ตามที่กฎหมายกำหนด
- ไม่มีใบขับขี่ หรือถูกเพิกถอนใบขับขี่ รวมไปถึงการใช้ใบขับขี่รถจักรยานยนต์มาใช้แทน
- ได้รับความเสียหายจากวัตถุปรมาณู หรือการโดนระเบิดจากโรงงานนิวเคลียร์
- เหตุการณ์ความไม่สงบ ภาวะสงคราม การปฏิวัติ จนทำให้รถยนต์ถูกกระสุนลูกหลงหรือระเบิด
- การนำรถยนต์ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น การนำรถยนต์ส่วนตัวไปใช้ในเชิงพาณิชย์
- การลากจูงเพื่อนำรถเข้าอู่ จนเกิดความเสียหายเพิ่มขึ้นขณะลากจูง
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีเคลมประกันรถยนต์ ที่มือใหม่ต้องรู้ก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด และต้องเคลมประกันอย่างไม่ทันตั้งตัว โดยหลักๆ แล้วก็ควรที่จะมีเอกสารในการเคลม และจดจำข้อมูลของอุบัติเหตุทั้งจากฝ่ายผู้ถือประกันเอง และฝ่ายของคู่กรณี นอกจากนี้การทำประกันกับบริษัทประกันภัยที่สามารถติดต่อได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งมี Call Center ตลอด 24 ชั่วโมงก็จะช่วยให้การเคลมประกันรถยนต์เป็นเรื่องง่ายขึ้นมากเลยทีเดียว
สำหรับใครที่สนใจการทำประกันรถยนต์ที่ติดต่อเคลมง่าย อีกทั้งยังมีการคุ้มครองที่ครอบคลุม ไดเร็ค เอเชีย ก็มีประกันให้คุณเลือกใช้ได้หลากหลายตามความต้องการ ทั้ง ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่มีอู่คุณภาพในเครือมากกว่า 1,000 แห่ง มีบริการรถยก 24 ชั่วโมง และบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม., ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ รถหาย ไฟไหม้ คุ้มครองสูงสุด 2เท่า ไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก การันตีมาไว 30 นาที แถมประกันทุกชนิดสามารถผ่อนสบาย ๆ 0% นาน 10 เดือน ไม่มีบัตรก็ผ่อนได้อีกด้วย
สอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้าน ประกันรถยนต์ โทรฯ 02 767 7777 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมคลิก https://www.directasia.co.th/
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด