ผู้ขับขี่หลายคนอาจสงสัย ว่าทำไมเบี้ยประกันรถยนต์ถึงมีราคาหลากหลายไม่เท่ากัน และทำอย่างไรให้ได้เบี้ยประกันในราคาที่คุ้มที่สุด! DirectAsia จะมาอธิบายให้เข้าใจเกี่ยวกับเบี้ยประกันภัย รวมถึงปัจจัยที่อาจมีผลกับเบี้ยประกันรถยนต์ของคุณ
4 ปัจจัยสำคัญ ที่มีผลต่อเบี้ยประกันรถยนต์!
หากถามว่าเบี้ยประกันรถยนต์คืออะไร คงอธิบายความหมายอย่างตรงไปตรงมาได้ว่าเป็นจำนวนเงินที่ผู้ทำประกันต้องจ่ายให้กับบริษัทประกันภัย เพื่อซื้อหรือต่อความคุ้มครองตามแผนประกันรถยนต์ที่เลือกไว้ ซึ่งอัตราเบี้ยประกันรถยนต์ที่แต่ละคนต้องจ่ายมักมีราคาแตกต่างกัน มากน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ผู้ทำประกันได้เลือก ดังนี้
- ประเภทประกันรถยนต์ หรือแผนความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ยิ่งความคุ้มครองมากเท่าไร เบี้ยประกันภัยก็ยิ่งราคาสูงมากขึ้นตามกัน ผู้ขับขี่จึงควรเลือกความคุ้มครองที่ตอบโจทย์กับการใช้งานรถยนต์ของตนเอง เพื่อรับเบี้ยประกันภัยที่คุ้มค่าที่สุด
- ทุนประกัน คือวงเงินความคุ้มครอง หรือค่าชดเชยที่บริษัทประกันภัยจะจ่ายให้ผู้ทำประกัน กรณีประสบอุบัติเหตุ ทรัพย์สินเสียหาย สูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ และเสียชีวิต ซึ่งขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในกรมธรรม์ที่ได้ทำไว้ หากผู้ทำประกันเลือกทุนประกันภัยไว้สูงมาก ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ก็จะยิ่งสูงตามเช่นกัน
- แผนซ่อมอู่หรือซ่อมห้าง การเลือกแผนการซ่อมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีผลกับเบี้ยประกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หากเลือกแผนซ่อมอู่ มีโอกาสที่เบี้ยประกันภัยจะราคาดีกว่าซ่อมศูนย์ เนื่องจากบริษัทประกันภัยจะสามารถตกลงค่าซ่อม ค่าแรง หรือค่าอะไหล่ กับอู่ซ่อมได้ง่ายกว่าศูนย์บริการ จึงช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายได้ในระดับหนึ่ง ทำให้ผู้ทำประกันจ่ายน้อยกว่าด้วยนั่นเอง
- ค่าเสียหายส่วนแรก เป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้ทำประกันต้องรับผิดชอบกรณีเกิดอุบัติเหตุต่อตัวรถยนต์ เพื่อเป็นการป้องกันผู้เอาประกันแจ้งเคลมทั้งที่ไม่ได้มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจริง รวมถึงลดความประมาทของผู้ขับขี่ให้มีความระมัดระวัง ป้องกันความเสียหาย และค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นขณะขับขี่ ทั้งนี้ ผู้ทำประกันยังสามารถปรับเพิ่ม หรือลดค่าเสียหายส่วนแรกได้ ตามเงื่อนไขกรมธรรม์ของแต่ละบริษัทประกันภัยด้วย
“ข้อมูลผู้ขับขี่” ใช้ลดเบี้ยประกันรถยนต์ได้!
เมื่อทราบกันแล้วว่าเบี้ยประกันรถยนต์คืออะไร และปัจจัยอะไรที่มีผลต่อเบี้ยประกันบ้าง DirectAsia ยังมีทริคช่วยลดเบี้ยประกันให้ถูกลงจาก “ข้อมูลผู้ขับขี่” โดยเริ่มจากเรื่องง่าย ๆ ที่ประวัติขับขี่ ดังนี้
- ประวัติ/ พฤติกรรมการขับขี่ หากคุณเป็นคนที่ขับรถดี ไม่เคยมีประวัติการเคลมประกัน หรือหากมีประวัติการเคลมประกันแต่คุณคือฝ่ายถูก กรณีนี้เรียกว่า “ผู้ขับขี่ประวัติดี” สามารถใช้เป็นส่วนลดค่าเบี้ยประกันในปีถัดไปได้ โดยจะมีส่วนลดเพิ่มขึ้นตามอายุการขับขี่ เช่น ไม่มีประวัติการเคลม 1 ปี ได้ส่วนลด 20% ,ไม่มีประวัติการเคลม 4 ปี ได้ส่วนลดไม่เกิน 50% เป็นต้น
- อายุและเพศ เรียกว่าเป็นจุดได้เปรียบของคนอายุเยอะก็ว่าได้ เพราะยิ่งผู้ขับขี่อายุเยอะ จะยิ่งได้รับส่วนลดเบี้ยประกันรถยนต์ในแต่ละปีที่มากขึ้น เนื่องจาก คปภ. ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ขับขี่ โดยมองว่าผู้ขับขี่ที่มีอายุน้อย อาจมีประสบการณ์น้อยกว่า และมีโอกาสเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้มากกว่าผู้ขับขี่ที่อายุเยอะ รวมถึงภาวะการตัดสินใจด้วย ซึ่งแบ่งกลุ่มผู้ขับขี่ได้ตามช่วงอายุ ดังนี้
- อายุ 18-24 ปี รับส่วนลดเบี้ยประกัน 5%
- อายุ 25-35 ปี รับส่วนลดเบี้ยประกัน 10%
- อายุ 36-50 ปี รับส่วนลดเบี้ยประกัน 15%
- อายุ 50 ปีขึ้นไป รับส่วนลดเบี้ยประกัน 20%
นอกจากพฤติกรรมและประวัติของผู้ขับขี่แล้ว การตัดความคุ้มครองบางอย่างออก เหลือไว้เฉพาะความคุ้มครองที่จำเป็นก่อน จะช่วยให้ผู้ทำประกันประหยัดค่าเบี้ยประกันในแต่ละปีได้ หรืออีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้ผู้ทำประกันได้รับเบี้ยที่คุ้มค่าสุด ๆ ก็คือเช็คเบี้ยประกันออนไลน์ กับ DirectAsia ซื้อสะดวก จ่ายง่าย แถมยังช่วยเปรียบเทียบประกันรถยนต์ชั้นอื่น ๆ ให้คุณได้เลือกประกันที่ถูกใจในไม่กี่นาที
ต้องการรับคำปรึกษาฟรี โทร 0-2767-7777
หรือ https://www.directasia.co.th
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ส่อง 10 รถหรู! บรรดานักฟุตบอลโลก 2022
- โอนรถข้ามจังหวัด ทำอย่างไร ใช้เอกสารอะไรบ้าง
- 5 ข้อห้ามทำ เมื่อมีเด็กในรถ และแนวทางการป้องกันเด็กติดในรถ
สอบถามข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้าน ประกันรถยนต์ โทรฯ 0-2767-7777 หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมพร้อม เช็คราคาประกันรถยนต์ ทั้ง ประกันชั้น 1, ประกันชั้น 1 เซฟ, ประกันชั้น 2+, ประกันชั้น 3+, ประกันชั้น 2, และ ประกันชั้น 3 คลิก https://www.directasia.co.th